เมื่อขยะและสิ่งปฏิกูลที่เป็นพิษ ถูกนำขนมาลงในประเทศอย่างต่อเนื่อง ผู้นำฟิลิปปินส์ได้ตัดสินใจอย่างเด็ดขาด กดดันประเทศต้นทางให้มารับขยะเหล่านั้นกลับไปยังประเทศของตัวเองได้สำเร็จ
เรื่องราวก็คือ ช่วงหลังมานี้ฟิลิปปินส์กับแคนาดามีความสัมพันธ์ที่ไม่ค่อยราบรื่นกันเท่าไหร่ จากประเด็นที่ทางการพบตู้คอนเทนเนอร์จำนวนมาก (ที่ระบุว่ามาจากแคนาดา) มีขยะและสิ่งปฏิกูลบรรจุแบบอัดแน่นๆ อยู่ภายในตู้ ซึ่งมันสามารถส่งผลเสียต่อสภาพแวดล้อม และสุขภาพของผู้คนในฟิลิปินส์ได้
ประธานาธิบดี โรดริโก ดูเตร์เต ก็ได้ส่งสัญญาณขู่ไปยังรัฐบาลแคนาดาว่า ต้องมาจนขยะพวกนี้กลับประเทศไปให้เร็วที่สุด ถ้าเกินขีดความอดทน หรือแคนาดาไม่แสดงความรับผิดชอบในตู้เหล่านี้ แม้แต่ตู้เดียวจาก 69 ตู้ ฟิลิปปินส์ก็จะนำไปส่งคืนให้เอง แต่จะให้ลูกเรือทิ้งตู้ทั้งหมดลงในประเทศ ในรัศมี 12 ไมล์ทะเลจากชายฝั่งของแคนาดา
ที่ผ่านมารัฐบาลฟิลิปปินส์ยื่นข้อเรียกร้องเป็นระยะๆ ความบาดหมางที่เกิดขึ้นดูเหมือนจะปะทุขึ้นเดือดสุดๆ เมื่อดูเตร์เตออกมาตรการ ขอให้เอกอัครราชทูต และกงศุลของฟิลิปปินส์ในแคนาดากลับประเทศโดยด่วน หลังจากที่แคนาดายังไม่มีท่าทีตอบรับที่น่าพึงพอใจ
อย่างไรก็ดี ในที่สุดรัฐบาลแคนาดาก็ได้ส่งเรือ M/V Bavaria มารับตู้คอนเทนเนอร์ทั้ง 69 ตู้กลับไปเรียบร้อย ในจังหวะที่เรือขนกลับไปนั้น ก็ได้มีกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมในฟิลิปปินส์ เดินทางมาชูป้ายด้วยว่า “ฟิลิปปินส์ไม่ใช่ที่ทิ้งขยะ!”
รายงานระบุว่า ที่ผ่านมา ตู้คอนเทนเนอร์เหล่านี้ มักถูกแจ้งจากต้นทางว่าเป็นตู้ที่บรรจุ ‘พลาสติก’ เป็นส่วนใหญ่ และปัญหามักเกิดขึ้นกับประเทศปลายทาง โดยเฉพาะหน้าที่ที่ต้องรับภาระกำจัดขยะเหล่านั้น ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและเป็นพิษกับประชาชนได้ ขณะเดียวกันรัฐบาลต้นทางมักอ้างว่า ตู้เหล่านั้นมาจากเอกชน จึงทำให้การเจรจาระหว่างกันต้องมีรายละเอียดกันพอสมควร
มาเลเซียเป็นอีกประเทศในอาเซียน ที่กำลังทำ ‘สงครามขยะ’ กับประเทศที่เป็นแหล่งต้นทางตู้คอนเทนเนอร์ โดยกำลังจะส่งขยะจำนวนกว่า 3,000 ตันกลับไปยังต้นทางเหมือนกัน
ประเทศไทยก็เพิ่งมีข่าวเรื่องตู้คอนเทนเนอร์ขยะแบบนี้เหมือนกัน และกำลังเป็นที่ถกเถียงในสังคมถึงมาตรการป้องกัน และตอบโต้ต่อสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น
อ้างอิงจาก
https://www.bbc.com/news/world-asia-48455440
#Brief #TheMATTER