ตามหลักจิตวิทยาเชื่อว่ามนุษย์เราสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมได้ใน 21 วัน ตามความเชื่อของคู่รักบอกว่าความรักจะเปลี่ยนแปลงไปใน 7 ปี แต่ในโลกยุคสมัยนี้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่แค่เรื่องผู้คนหรือความรู้สึก แต่ในหน่วยใหญ่ๆ อย่างสังคมและเศรษฐกิจก็กำลังเปลี่ยนแปลงไปชนิดที่แทบจะต้องมอร์นิเตอร์กันวันต่อวัน
ในโลกที่ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วนี้ ธุรกิจต่างๆ ยิ่งต้องปรับตัวให้รวดเร็วกว่า ยิ่งเมื่อผู้คนเพิ่งเผชิญกับโรคระบาดครั้งใหญ่ทำให้เกิด ‘นิวนอร์มอล’ กระทบไปถึงภาคธุรกิจที่ต้องปรับตัวเพื่อตามพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปให้ทัน จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หลายคนจะอดเป็นห่วงธุรกิจโอลด์สกูลทั้งหลายว่าจะตามไม่ทันความรวดเร็วของยุคสมัยนี้หรือเปล่า และในโลกที่ผู้คนติดความสะดวกสบาย ‘ร้านโชห่วยกำลังจะตาย’ หรือเปล่า…
ร้านโชห่วยกำลังจะตายจริงหรือ? หากว่ากันด้วยสถิติ สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม หรือ สสว. ได้มีการรวบรวมสถิติ ‘ร้านขายของชำ’ ข้อมูลล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม ปี พ.ศ. 2565 ระบุว่าร้านขายของชำในไทยมีจำนวน 410,585 ราย ซึ่งนับว่าไม่น้อย
และสิ่งที่ทำให้ร้านโชห่วยเหล่านี้ยังยืนหยัดอยู่คู่สังคมไทยได้ในวันที่พฤติกรรมการบริโภคของผู้คนกำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คือจุดเด่นและเสน่ห์ของร้านโชห่วยที่แตกต่างจากร้านสะดวกซื้อ
ส่วนจะมีอะไรบ้างนั้น วันนี้เราจะพาทุกคนสำรวจไปพร้อมๆ กัน
กุญแจของโชห่วย คือการปรับตัวเพื่อผู้บริโภค
แท้จริงแล้วร้านโชห่วยอาจไม่ได้กำลังจะตายจากสังคมไทยอย่างที่หลายคนกังวล แค่กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลง
นอกจากเอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์ของร้านโชห่วยแล้ว จุดแข็งของร้านโชห่วยอีกอย่างก็คือร้านเหล่านี้บริหารโดยคนที่เข้าใจ และคนเหล่านี้ก็มีความสามารถในการปรับตัว ร้านโชห่วยรู้จักชุมชน เข้าใจชุมชน ทำให้สามารถปรับตัวตามความต้องการของลูกค้าได้ทัน และการแก้ไขจุดด้อยของร้าน การชูจุดเด่น การหาจุดขาย ก็ทำให้ร้านได้รับการจดจำ และเพิ่มยอดขายมากขึ้นได้
และในยุคนี้โซเชียลมีเดียก็กลายมาเป็นเครื่องมือที่ทุกคนใช้ประโยชน์ได้อย่างอิสรเสรี ร้านโชห่วยเองก็สามารถปรับใช้โซเชียลมีเดียเข้ามากระตุ้นยอดขายได้เช่นเดียวกัน อาจจะเริ่มจากอะไรที่ง่ายและรวดเร็วอย่างบริการเดลิเวอรี หรือการอัปเดตสินค้าผ่านช่องทางโซเชียลต่างๆ Line Facebook หรือแม้แต่การใช้สื่ออย่าง TikTok ให้เป็นประโยชน์เพื่อเพิ่มยอดขาย
คุณป้าเจ้าของร้านโชห่วยในวันนั้นอาจกลายเป็นติ๊กต็อกเกอร์ในวันนี้ก็ได้
ทำเลเข้าถึงชุมชน ขายของเข้าถึงผู้คน
สำหรับต่างจังหวัดต้องบอกเลยว่าที่ใดมีหมู่บ้านที่นั่นมักมีร้านโชห่วย ไม่ว่าถนนหนทางจะซับซ้อน อยู่แถบชานเมืองหรือชนบท ก็ไม่เป็นอุปสรรคในการเปิดทำการของร้านโชห่วย
ชื่อร้านมักเรียกขานกันด้วยชื่อเจ้าของร้าน ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็รู้จักและเคยแวะเวียนไป หลายร้านมักมีชุดโต๊ะ-เก้าอี้หน้าร้าน เผลอๆ จะกลายเป็นแหล่งรวมตัวกันของคนในชุมชนด้วยซ้ำ ร้านรู้จักลูกค้า รู้จักยันลูก-ยันหลานของลูกค้า เรียกได้ว่าสนิทสนมกันเป็นอย่างดี บุพการีก็รู้จัก ทำให้ค่าความเชื่อใจในการซื้อ-ขายกันนั้นสูงแบบหาตัวจับยากเลยทีเดียว
ออเดอร์เล็กๆ ก็แบ่งขาย ซื้อได้ไม่มีขั้นต่ำ
ความหลากหลายของชนิดสินค้าในร้านโชห่วยอาจไม่มาก แต่จุดแข็งคือความยืดหยุ่นในการแบ่งขายสินค้า
ที่สำคัญคือร้านโชห่วยมักจะมีการแบ่งขายสินค้าที่ร้านสะดวกซื้อไม่มี เช่น ไข่ไก่ ข้าวสาร หรือเครื่องปรุงต่างๆ บัดเจ็ตแค่ 5 บาท 10 บาท ก็สามารถซื้อของที่ต้องการได้ ของมาเป็นแพ็กก็แกะ อยากได้ไข่ไก่แค่ฟองเดียวก็ขาย ยืดหยุ่นตามความต้องการของผู้บริโภคที่หลายครั้งแค่ต้องการซื้อของกินของใช้เล็กๆ น้อยๆ แถมลูกค้ายังควบคุมงบในการช้อปสะดวกอีกต่างหาก
ระบบเป็นเอกลักษณ์ ร้านโชห่วยคือความยืดหยุ่น
ด้วยความที่ร้านโชห่วยส่วนใหญ่เป็นกิจการในครอบครัว ระบบการจัดการในร้านจึงมีความเป็นอิสระมากกว่าร้านสะดวกซื้อทั่วไป บวกกับปัจจัยความสนิทสนมกับคนในชุมชน ระบบของร้านโชห่วยเลยมีความ ‘ยูนีค’ และยืดหยุ่นแบบสุดๆ
ไม่ว่าจะเป็น ระบบเซ็นวันนี้จ่ายอีกทีสิ้นเดือน ระบบการปรับเปลี่ยนสต็อกและยี่ห้อสินค้าภายในร้าน แบบตามใจลูกค้าบ้าง ตามใจเจ้าของร้านบ้าง สร้างความเซอร์ไพรซ์ในการไปจับจ่ายแต่ละครั้ง ไหนจะระบบฟีดแบ็กสินค้า-บริการได้ทันใจแบบ face to face รวดเร็วทันใจยิ่งกว่าใช้ 5G ซะอีก เป็นความยืดหยุ่นของระบบร้านโชห่วยที่ร้านสะดวกซื้อไม่สามารถให้ได้ของแท้
โปรโมฉันเด็ด ไม่มีสัญญาผูกมัด
นอกจากระบบสุดอิสระแล้ว ร้านโชห่วยยังมีสิ่งที่เรียกว่า โปรโม(ชั่น)(ตามใจ)ฉัน ด้วย
ไม่ต้องรอวันเลขคู่ ไม่ต้องรอโปรฯ mid-month หรือ mid-year ใดๆ การจัดโปรโมชั่นของร้านโชห่วยสามารถทำได้อย่างไม่มีข้อจำกัด จะลด แลก แจก แถม อย่างไรก็ได้ เพราะจัดโปรฯ ตอบโจทย์คนในชุมชนล้วนๆ
แหล่งรวมสินค้า rare item
ถ้าร้านสะดวกซื้อทั่วไปเน้นขายสินค้า mass product ร้านโชห่วยก็คงเป็นร้านที่รวบรวมสินค้า rare item ที่ไม่ได้หาซื้อจากที่ไหนก็ได้
บางครั้งก็เป็นขนมหรือของเล่นย้อนยุคในความทรงจำที่ชวนให้หวนคิดถึง ยิ่งร้านเก่าแก่ของแร์ยิ่งเยอะ บางอย่างนึกว่าเลิกผลิตไปแล้วก็มี ขนมบางยี่ห้อก็เป็นปริศนาว่าทำไมหาซื้อที่อื่นนอกจากร้านโชห่วยไม่ได้
หรือบางครั้งก็เป็นของใช้ที่ชวนคิดไม่ออกว่าควรหาซื้อจากที่ไหน เช่น แป้งน้ำ หรือดินสอพอง ร้านโชห่วยก็มีสต็อกไว้พร้อมบริการ วันสงกรานต์กลับบ้านไปรดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ไม่ต้องหาซื้อจากที่ไหนไกล เพราะร้านโชห่วยในหมู่บ้านก็มีขาย สินค้าเหล่านี้แม้จะดูเล็กน้อย แต่ก็เป็นอีกจุดขายที่ดึงดูดลูกค้า เพิ่มโอกาสในการขายได้ทั้งกับคนเจนเก่าและเจนใหม่
เจ้าของร้านโชห่วย = ที่สุดเรื่องรู้ใจลูกค้า
เจ้าของร้านโชห่วยมักจะใกล้ชิดสนิทสนมกับลูกค้า บทสนทนาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบมักเกิดขึ้นเป็นประจำ
นอกจากความสนิทก็คือความรู้ใจที่เป็นอีกจุดขายสำคัญของร้านโชห่วย ยิ่งกับลูกค้าประจำยิ่งจับจุดได้ว่าลูกค้าชอบหรือไม่ชอบอะไร หันหลังให้ยังเดาออกและบอกชั้นวางได้ว่าของที่ลูกค้าซื้อประจำวางอยู่ตรงไหน
การเลือกนำสินค้ามาขายก็ยิ่งง่ายและตรงจุดเมื่อเจ้าของร้านเข้าใจกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี เช่น ลูกค้าบ้านหลังคาแดงกลางซอยใช้สบู่ยี่ห้อนี้ไม่เคยเปลี่ยน ร้านก็เตรียมสต็อกของไว้ไม่ให้ขาด จะสมาชิกคนไหนของบ้านมาซื้อก็เจอ มีสบู่ยี่ห้อโปรดให้เธอจับจ่ายทุกเวลา เป็นการช่วยให้ลูกค้าขาจรกลายเป็นขาประจำ และยังช่วยทำให้ฐานลูกค้าเพิ่มขึ้นได้ด้วย
ร้านมีความคราฟต์ ไม่เหมือนใคร
คนมักจำร้านสะดวกซื้อได้จากชื่อแฟรนไชส์ ส่วนร้านโชห่วยถูกจดจำได้ด้วยการสร้างจุดเด่นเฉพาะตัวขึ้นมา
ซึ่งเป็นความสนุกและเสน่ห์ที่ไม่ถูกจำกัดอยู่ในกรอบ จนกลายเป็นไวรัลที่ถูกพูดถึงกันก็หลายร้าน เช่น ร้านบิ๊กเต้ ร้านชื่อดังแถวรังสิต ที่ครีเอทการขายด้วยการเอาใจสายมู จัดชุดไข่ต้มแก้บนสำหรับนักศึกษาโดยเฉพาะ
บางร้านก็เน้นขายของหลากหลายจนเป็นที่จดจำ เช่น ห้วยขวางสโตร์ ร้านที่ขายตั้งแต่สากเบือยันเรือรบที่แท้ ไม่ว่าจะเป็นไอ้ไข่ ของไหว้เจ้า มะม่วงดอง สายไหม ยาเส้น ไปจนถึงอาหารสัตว์ หรือ ร้าน well shop ร้านโชห่วยที่หลากหลายด้วยการขายเครื่องดื่มหลากหลายจากทั่วโลก
การเขียนป้ายข้อความสนุกๆ ติดไว้ที่ชั้นสินค้าก็เป็นอีกวิธีที่หลายร้านทำแล้วปัง คนอ่านขำ แถมอาจจะได้เป็นคอนเทนต์ในโซเชียลมีเดียเหมือนได้โฆษณาร้านกลายๆ อีก
สุดท้ายแล้วทุกสิ่งทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นร้านโชห่วยหนึ่งร้าน ไม่ใช่เพียงแค่ธุรกิจที่ซื้อมาขายไป แต่เป็นธุรกิจที่เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับชุมชน คนขายยืดหยุ่นเข้าใจคนซื้อ เอกลักษณ์ที่เป็นเสน่ห์ของร้านโชห่วยเองก็ไม่สามารถหาได้จากที่ไหน ยิ่งหากใช้โซเชียลมีเดียมาเสริมทัพยิ่งจะทำให้จุดขายของร้านเหล่านี้เข้มแข็งมากขึ้นอีก
สิ่งเหล่านี้เป็นกุญแจสำคัญสู่ความอยู่รอดของธุรกิจร้านโชห่วยในยุคสมัยนี้ เพื่อให้ร้านโชห่วยอยู่คู่สังคมไทยไปได้อีกนาน