หนึ่งในปัญหาใหญ่ของมวลมนุษยชาติ ยังคงเป็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ล่าสุด ผู้ชำนาญออกมาเตือนว่า โลกอาจเข้าสู่จุดเปลี่ยนของสภาพภูมิอากาศในอีก 5 ปี โดยประชาคมควรรีบแก้ปัญหาอย่างจริงจัง
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (WMO) เปิดเผยรายงานว่า มีโอกาศกว่า 40 เปอร์เซ็นต์ ที่อุณภูมิเฉลี่ยของโลกจะเพิ่มสูงขึ้น 1.5 องศาเซลเซียส จากอุณภูมิเฉลี่ยช่วงหลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ภายในเวลาอีกเพียง 5 ปีข้างหน้า
คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (IPCC) ได้ระบุตัวเลข 1.5 องศาเซลเซียส ว่าคือจุดเปลี่ยนของภูมิอากาศโลก ซึ่งจะส่งผลให้เกิดความแห้งแล้งอย่างรุนแรง รวมถึงโอกาสการเกิดไฟป่า น้ำท่วม และภาวะขาดแคลนอาหาร ที่จะเพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
“มันเป็นมากกว่าแค่ข้อมูลเชิงสถิติ” เพทเตอรี ตาลาส (Petteri Taalas) เลขาธิการองค์การอุตุนิยมวิทยาโลกกล่าว “อุณภูมิที่เพิ่มสูงขึ้น หมายถึง น้ำแข็งที่ละลายมากขึ้น ระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น กระแสคลื่นความร้อนที่มากขึ้น และการเปลี่ยนแปลงของอากาศแบบสุดขั้ว ตลอดจนผลกระทบครั้งใหญ่ ทางด้านความมั่นคงทางอาหาร สิ่งแวดล้อม และการพัฒนาที่ยั่งยืน”
ก่อนหน้านี้ หลายประเทศในโลกจะลงนามในความตกลงปารีส ว่าด้วยสภาพภูมิอากาศ ว่าจะรักษาในอุณภูมิโลกไม่พุ่งสูงขึ้น 2 องศาเซลเซียส หรือมากกว่านั้นคือ 1.5 องศาเซลเซียส นับตั้งแต่หลังยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ด้วยการกำหนดเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง
แต่ปัจจุบันนี้ โลกได้เข้าสู่ 2 ใน 3 ของเป้าอุณภูมิ ที่เพิ่มสูงขึ้นที่สุดแล้ว เพราะโลกมีอุณภูมิเฉลี่ยสูงขึ้นในแต่ละปีกว่า 1 องศาเซลเซียส และภายใน 5 ปีข้างหน้า โลกก็อาจจะยังมีอุณภูมิที่สูงขึ้นราว 0.9-1.8 องศาเซลเซียสอยู่ดี โดยใน ค.ศ.2020 ที่ผ่านมา โลกมีอูณภูมิเฉลี่ยเพิ่มขึ้นสูงสุดกว่า 1.2 องศาเซลเซียส นับเป็น 1 ใน 3 ปีที่ร้อนที่สุด นับตั้งแต่ช่วงหลังปฏิวัติอุตสาหกรรมเป็นต้นมา
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลกระบุว่า ระหว่าง ค.ศ.2021-2025 มีโอกาสกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ที่จะมีปีใดปีหนึ่ง ซึ่งมีอุณภูมิสูงที่สุด เท่าที่เคยถูกบันทึกมา “โลกต้องการช่องทางด่วนพิเศษ ในการทำงานแก้ไขการปล่อยก๊าซเรือนกระจกโดยด่วน เพื่อทำให้มีการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ให้ได้” ตาลาสกล่าว
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2021/05/27/world/climate-temperatures-increase-wmo-intl/index.html
#Brief #TheMATTER