วันนี้ (7 พฤศจิกายน) กลุ่มเสรีเทยพลัสจัดกิจกรรม ม็อบตุ้งติ้ง 2 โดยใช้ชื่อธีมว่า ‘ไพร่พาเหรด’ เพื่อเดินขบวนเรียกร้องความเป็นธรรมทางเพศ และเป็นการส่งเสียงของผู้ถูกกดขี่ว่าจะไม่ยอมทนอีกต่อไป
.
ช่วงเวลาประมาณ 17.00 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเดินขบวนจากบริเวณแยกสามย่าน มุ่งหน้าไปยังถนนสีลม โดยมีการชูป้ายข้อความที่เรียกร้องความเท่าเทียมทางเพศด้วย เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียม สิทธิในการทำแท้งที่ถูกกฎหมายและปลอดภัย ให้อาชีพค้าบริการทางเพศถูกกฎหมาย รวมถึง การถูกคุกคามทางเพศในรูปแบบต่างๆ
.
นอกจากนี้ ยังการเปิดเพลงประกอบการเดินขบวน เช่น Rain on Me, Run the World (Girls), Bad Romance และ I Will Survive เป็นต้น
.
ช่วงหนึ่งของการชุมนุมครั้งนี้ ผู้ชุมนุมได้ตะโกนหน้าสภากาชาด เรียกร้องให้รับเลือดกะเทย ชี้ว่าผู้หญิงและผู้ชายก็มีสิทธิเป็นเอดส์ได้ ไม่ใช่แค่กลุ่ม LGBT เท่านั้น แต่ทำไมพวกเขาถึงถูกกีดกัน วงการแพทย์ที่พร่ำสอนให้เข้าใจมนุษย์ เข้าใจคนไข้ ทำไมถึงไม่เข้าใจกลุ่มคนหลากหลายทางเพศ
.
“บุคลากรทางการแพทย์ มีการพูดว่า สภากาชาดต้องเป็นกลางทางการเมือง ดิฉันเห็นด้วยหากเราเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ไม่ใช่เผด็จการอย่างตอนนี้”
.
ช่วงเวลา 18.00 น. ผู้นำการชุมนุมได้กล่าวว่า “ธงชาติและธงไพรด์เป็นสัญลักษณ์ของความหลากหลาย ขอจงร่วมใจกันนั่งลงเคารพธงชาติและชูสามนิ้ว” ก่อนที่ผู้ชุมนุมจะนั่งลงและชูสามนิ้วระหว่างการเคารพธงชาติ
.
ศิริศักดิ์ ไชยเทศ ผู้ขายบริการทางเพศได้ขึ้นปราศรัยเพื่อเรียกร้องให้ยกเลิก พ.ร.ก.ป้องกันและการปราบปรามการค้าประเวณี โดยกล่าวว่า “พวกเราต้องการเป็นพนักงานคนนึง ต้องการได้รับการคุ้มครองในฐานะแรงงานคนนึง คุณมีสิทธิอะไรมาป้องกันในสิ่งที่เป็นเนื้อตัวของพวกเรา”
.
“ทุกคนมีเพศสัมพันธ์ แต่พอพวกเรามีเพศสัมพันธ์กลายเป็นผิดกฎหมายทันที”
.
ขณะที่ เบญจา จากกลุ่มแนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม เล่าถึงการกดขี่ในวงการวิทยาศาสตร์ ที่ปิดกั้นเพศหญิงและเพศหลากหลายมาตั้งแต่อดีต พร้อมย้ำว่า วิทยาศาสตร์ต้องไม่ถูกผูกขาดโดยผู้ชาย
.
“เราต้องปฏิรูปการศึกษาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเพศอะไร ก็เรียนอะไรก็ได้ และต้องเลิกคติว่า ผู้ชายต้องหาเลี้ยงครอบครัว เพราะผู้หญิงก็ทำงานได้ และผู้ชายก็ทำงานบ้านได้เช่นกัน เราต้องเลิกยัดเยียดมายาคติว่าผู้ชาย หรือผู้หญิงต้องทำอย่างนี้เท่านั้น”
.
นอกจากนี้ การชุมนุมในครั้งนี้ยังกล่าวย้ำด้วยว่า ไม่ต้องการรัฐบาลที่เป็นเผด็จการ และต้องการเรียกร้องประชาธิปไตย รวมถึงต้องการทำลายโครงสร้างชายเป็นใหญ่ที่ครอบอยู่ด้วยเช่นกัน
.
.
