คุณอาจเคยได้ยินชื่อผ่านๆ ว่ามีโครงการวัคซีนระดับโลกโครงการหนึ่ง ภายใต้การนำขององค์การอนามัยโลก (WHO) คือ โครงการ ‘COVAX’ ซึ่งกำลังจะจัดส่งวัคซีนให้แก่ประเทศต่างๆ ในช่วงเดือนนี้แล้ว อย่างไรก็ดี ทางการไทยไม่ได้เข้าร่วมโครงการดังกล่าว คำถามที่ตามมาก็คือ COVAX คืออะไร และทำไมไทยถึงไม่เข้าร่วม
COVAX ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ช่วงเมษายน ค.ศ.2020 ภายใต้การนำขององค์การอนามัยโลก เพื่อที่จะสนับสนุนการพัฒนา จัดซื้อ และจัดส่งวัคซีน COVID-19 ไปในทั่วทุกมุมโลก ทั้งนี้ COVAX ถูกถือธงนำโดยองค์การอนามัยโลก ร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรเพื่อวัคซีน (The Vaccine Alliance) ซึ่งก่อตั้งโดยมหาเศรษฐีอย่าง บิล เกตส์ (ฺBil Gates) และภรรยาเมลินดา (Melinda) ร่วมถึงกลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (Coalition for Epidemic Preparedness Innovations)
จุดมุ่งหมายของ COVAX ที่มากไปกว่าการแจกจ่ายวัคซีน COVID-19 แล้วนั้น คือการที่ COVAX ถือพันธกิจหลักว่าต้องมีการแบ่งวัคซีน COVID-19 ที่เท่าเทียมกัน ระหว่างประเทศยากจนกับประเทศร่ำรวย ซึ่งถือได้ว่า เป็นจุดมุ่งหมายหลักขององค์กร COVAX ก็ว่าได้ โดยพวกเขาจะเริ่มจัดว่งวัคซีนในเดือนนี้ ให้แก่ประเทศยากจน และประเทศระดับปานกลางแล้ว
โดย COVAX ได้เปิดเผยตัวเลขจำนวนวัคซีนที่พวกเขาจะจัดสรรไปในประเทศต่างๆ โดยคิดเป็นอัตราส่วน 3.3 เปอร์เซ็นต์ ของผู้ที่เข้าร่วมโครงการ 145 ผู้เข้าร่วม ตัวอย่างเช่น
- บรูไน 100,800 โด๊ส
- บราซิล 10,672,800 โด๊ส
- กัมพูชา 1,296,000 โด๊ส
- อินโดนีเซีย 13,708,800 โด๊ส
- เกาหลีเหนือ 1,992,000 โด๊ส
- เกาหลีใต้ 2,713,800 โด๊ส
- ลาว 564,000 โด๊ส มาเลเซีย
- 1,624,800 โด๊ส
- ฟิลิปปินส์ 5,617,800 โด๊ส
- สิงคโปร์ 288,000 โด๊ส
- เวียดนาม 4,886,400 โด๊ส เป็นต้น
COVAX วางแผนเอาไว้ว่า พวกเขาจะสามารถแจกจ่ายวัคซีนไปทั่วโลกภายใน ค.ศ.2021 ในจำนวนกว่า 2 พันล้านโด๊ส โดย 1.8 ล้านโด๊สจะถูกส่งไปยัง 92 ประเทศยากจนที่เข้าร่วมโครงการ ซึ่งจะทำให้ประชากรโลกกว่า 20 เปอร์เซ็นต์เข้าถึงวัคซีน COVID-19 ได้อย่างแน่นอน
คำถามที่ตามมาก็คือ ในเมื่อโครงการ COVAX ฟังดูจะเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับรัฐแต่ละรัฐ ซึ่งปัจจุบัน มีรัฐกว่า 180 รัฐทั่วโลกเข้าร่วมโครงการนี้ ข้อเท็จจริงที่น่ากังวลกลับกลายเป็นว่า ไทยเองดันเป็นรัฐที่ไม่ได้เข้าร่วมโครงการ COVAX และกลับหันไปให้การสนใจแต่กับการถ่ายทอดเทคโนโลยีวัคซีนจาก AstraZeneca มายังบริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ตลอดจนการนำเข้าวัคซีนจากทาง Sinovac จำนวน 2 ล้านโด๊ส ซึ่งคาดว่าจะนำเข้ามาในไทยในช่วงเดือนเมษายน
นพ. ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ได้ออกมาชี้แจงว่า ทางการไทยไม่ได้ทำการสั่งจองวัคซีนจาก COVAX เนื่องจากมีความยุ่งยากในการทำสัญญา และทางการไทยเองกลับมองว่า การสั่งจองวัคซีนจาก COVAX อาจทำให้การได้รับวัคซีนไม่มีความแน่นอน เนื่องจากประเทศไทยจัดอยู่ประเทศระดับปานกลาง ซึ่งจะต้องซื้อวัคซีนในราคาที่แพงกว่าประเทศยากจน ในขณะที่ อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเปิดเผยว่า ไทยพยายามเจรจากับ COVAX มาโดยตลอด แต่ไทยไม่ได้อยู่กลุ่มประเทศที่จะได้รับวัคซีนฟรี
แล้วไทยเสียโอกาสอะไรไปบ้าง แน่นอนว่า การรวมกลุ่มกันออกมาเป็นโครงการอย่าง COVAX จะทำให้การเจรจาต่อรองราคาวัคซีนของผู้ซื้อจากผู้ผลิตต่างๆ ทำได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัวอย่างเช่น กรณีที่ Pfizer-BioNTech ยินดีขายวัคซีนของตนในราคาต้นทุนให้แก่ COVAX ในจำนวน 40 ล้านโด๊ส แตกต่างจากการที่แต่ละรัฐจะต้องทำการเจรจาต่อรองราคากับบริษัทชีวเวชภัณฑ์เอาเอง
โครงการ COVAX สามารถระดมทุนไปได้แล้วกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 1.8 แสนล้านบาท) และเหลือการระดมทุนอีกเพียงแค่ 2 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6 หมื่นล้านบาท) ก็จะระดมทุนได้ครบยอดที่พวกคาดการณ์ว่าพอจะซื้อวัคซีนให้ได้ครอบคลุมตามเป้าหมายของ ค.ศ.2021 โดยพวกเขาทำสัญญาการซื้อขายวัคซีนจากทาง Pfizer-BioNTech AstraZeneca และบริษัทอื่นๆ ที่รอการอนุมัติวัคซีนอยู่ COVAX จึงเป็นความหวังเดียวของประเทศยากจน และประเทศปานกลาง ที่พอจะเป็นตัวช่วยในการต่อรองการซื้อวัคซีนจากบริษัทเอกชน
ในทางตรงกันข้าม จากการแถลงเรื่องวัคซีนพระราชทานของ ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อวันที่ 18 มกราคม ที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบัน คลิปแถลงดังกล่าวได้ถูกลบไปแล้วนั้น ธนาธรได้กล่าวหารัฐบาลว่า “แทงม้าตัวเดียว” ในขณะที่ อนุทินออกมาแถลงโต้ว่า ทางรัฐบาลทำการเจรจาด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้
ทั้งนี้ อนุทินได้ให้สัมภาษณ์ต่อกรณีที่ไทยไม่เข้าร่วมโครงการ COVAX ว่า “กรณีที่ประเทศไทยไม่ร่วมโครงการวัคซีนของโคแวกซ์นั้น เราได้เจรจากับโคแวกซ์มาตลอด แต่เราไม่อยู่เกณฑ์ที่เขาจะให้ฟรี โคแวกซ์ให้สิทธิแก่ประเทศยากจนที่ WHO และ GAVI ให้การสนับสนุนจำนวน 92 ประเทศ แต่ไทยถูกจัดให้เป็นประเทศที่มีฐานะปานกลาง หากเราจะร่วมกับโคแวกซ์ เราต้องซื้อราคาแพงกว่า และไม่สามารถเลือกวัคซีนจากผู้ผลิตรายใดได้ มีความไม่แน่นอนทั้ง ชนิด จำนวน และราคา รวมทั้งต้องจ่ายเงินล่วงหน้า ซึ่งไม่รู้ว่าจะได้วัคซีนเมื่อไร การที่เราจัดหาเอง และได้วัคซีนที่เหมาะสมกับการใช้ มีเงื่อนไขด้านราคาและเวลาที่ชัดเจนกว่า จะเป็นประโยชน์กับประเทศไทยมากกว่า”
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา อนุทินยังได้กล่าวย้ำว่า ตนไม่เคยบอกว่าไทยจะได้ฉีดวัคซีนในวันที่ 14 กุมภาพันธ์ตามที่ประชาชนเข้าใจ และปัญหาที่ไทยได้วัคซีนล่าช้าเกิดจากการขนส่งที่ผิดพลาด ไม่ใช่การเจรจาที่ล้มเหลวของรัฐบาล อีกทั้งกล่าวย้ำว่า ไทยวางแผนจะฉีดวัคซีนให้ประชาชนในช่วงเดือนมิถุนายน ซึ่งจะเป็นวัคซีนจากการที่บริษัทสยามไบโอไซเอนซ์ ทิ้งความสับสนวุ่นวายเอาไว้ที่ประชาชนว่า ในขณะที่ทั่วโลกกำลังจะได้ฉีดวัคซีนผ่านทาง COVAX ไปแล้ว แต่ไทยเองอาจจะคงต้องรอต่อไปอีกสักพักถึงความแน่ชัดว่า เมื่อไหร่พวกเราจะได้ฉีดวัคซีน COVID-19 กันแน่
อ้างอิงจาก
https://www.gavi.org/vaccineswork/covax-explained
https://www.bbc.com/thai/thailand-55873467
https://www.bangkokbiznews.com/news/detail/919800
https://www.thairath.co.th/news/politic/2022987
https://mgronline.com/around/detail/9640000006986
https://www.gavi.org/sites/default/files/covid/covax/COVAX-Interim-Distribution-Forecast.pdf
https://www.matichon.co.th/covid19/thai-covid19/news_2560494
#Explainer #COVAX #วัคซีน #COVID19 #TheMATTER