ความขัดแย้งระหว่างชาวกะเหรี่ยงบางกลอยและอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน เป็นประเด็นที่เราควรให้ความสำคัญและต้องจับตามอง หลังการจับกุมชาวบ้านบางกลอยหลายราย เพื่อดำเนินคดีข้อหาบุกรุกป่า เข้าฝากขังภายในเรือนจำกลาง จ.เพชรบุรี
เกิดอะไรขึ้นในประเด็นนี้ ทำไมชาวกะเหรี่ยงบางกลอยถึงถูกจับ ขอชวนทุกคนมาอ่านสรุปของเรื่องนี้กัน
1. ขอเล่าย้อนไปถึงที่มาความขัดแย้ง ซึ่งเกิดขึ้นมายาวตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 หลังจากที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานให้ชาวกะเหรี่ยงที่อาศัยอยู่ในพื้นที่บางกลอยบนหรือใจกลางแผ่นดิน ในเขตป่าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ย้ายลงมาอยู่ที่บางกลอยล่าง แต่ชาวบางกลอยไม่สามารถทำมาหากินในพื้นที่ใหม่ได้ จึงอพยพกลับไปอาศัยยังที่เดิม นำไปสู่ยุทธการตระนาวศรี ที่มีการเผาทำลายที่อยู่อาศัย และโรงเก็บของของชาวบางกลอย
หนึ่งในนักต่อสู้คนสำคัญของเรื่องนี้คือ บิลลี่-พอละจี รักจงเจริญ ลูกของปู่คออี้ ที่หายตัวไปอย่างปริศนาหลังถูกชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน จับกุมเมื่อปี พ.ศ.2557 และชัยวัฒน์อ้างว่าปล่อยตัวบิลลี่ไปแล้ว ซึ่งเมื่อปีก่อน DSI ได้ส่งอัยการสั่งฟ้องชัยวัฒน์และพวกในคดีอุ้มฆ่าบิลลี่ แต่อัยการสั่งไม่ฟ้องคดี
อ่านสรุปที่มาความขัดแย้งเต็มๆ ได้ที่นี่
2. การต่อสู้ดำเนินมาตลอด 25 ปี โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมากลุ่มประชาชนผู้รักความเป็นธรรม และเครือข่ายภาคีSaveบางกลอย ได้รณรงค์เรื่องการกลับคืนสู่บ้านเกิดที่ใจแผ่นดินของชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ปักหลักชุมนุมบริเวณสะพานชมัยมรุเชฐ ทำเนียบรัฐบาล และในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ มีการทำข้อตกลงเพื่อแก้ไขปัญหากรณีบางกลอย-ใจแผ่นดิน ระหว่างตัวแทนรัฐบาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม ภาคีเซฟบางกลอย และชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย
3. ณัฐวุฒิ อุปปะ ผู้แทนภาคีSaveบางกลอย ได้อ่านแถลงการณ์ บันทึกข้อตกลงระหว่างชาวบางกลอยและภาครัฐ ทั้งยังย้ำถึง 6 ข้อเรียกร้องต่อกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ดังนี้
– ให้ชาวบ้านกลับไปทำไร่หมุนเวียนและดำรงชีวิตวัฒนธรรมดั้งเดิมที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน
– ยุติการใช้กำลังเจ้าหน้าที่เข้าไปตั้งจุดตรวจและลาดตระเวนในหมู่บ้านบางกลอยล่าง และยุติการข่มขู่ คุกคาม ใช้ความรุนแรง กับชาวบ้านที่กลับไปทำกินที่บ้านบางกลอยบน-ใจแผ่นดิน
– ยุติการขัดขวางการส่งข้าว อาหาร สิ่งของจำเป็นให้ชาวบ้านบางกลอย
– รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องปฏิบัติตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2553 ที่มีแนวนโยบายฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยงโดยด่วน
– ชาวบ้านบางกลอยล่าง ขอให้รัฐบาลจัดสรรที่ดิน ที่อยู่อาศัย ที่ทำกินให้เพียงพอต่อการดำรงชีพได้อย่างมั่นคง
– รัฐบาลต้องยุติการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ในการตั้งจุดสกัด ลาดตระเวน ตรวจค้น สร้างแรงกดดันและหวาดกลัวแก่ชาวบ้าน รวมถึง ให้มีมาตรการคุ้มครองสวัสดิภาพและความปลอดภัยของชาวบ้านบางกลอย
4. แต่หลังจากนั้น ระหว่างที่ชาวบางกลอยกำลังเดินทางกลับถิ่นฐาน กลับถูกเจ้าหน้าที่ตั้งด่านสกัดไม่ให้ขึ้นใจแผ่นดิน ทั้งที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้ทำข้อตกลงกับชาวบ้านไว้แล้วว่าจะถอนกำลังเจ้าหน้าที่ออก จึงถือว่าภาครัฐผิดข้อตกลงที่ทำไว้
5. เจ้าหน้าที่สั่งให้ชาวบางกลอยเขียนประวัติข้อมูลส่วนบุคคลก่อน ไม่อย่างนั้นจะไม่อนุญาตให้กลับขึ้นไปยังถิ่นฐาน และได้ควบคุมตัวชาวบ้านที่อยู่บนใจแผ่นดินกว่า 10 คนลงมาด้วย ซึ่งทางกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้ออกมาระบุว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว
6. กลุ่มประชาชนผู้รักความเป็นธรรมและภาคีSaveบางกลอย แถลงการณ์ถึงกรณีนี้ว่า ในขณะที่สถานการณ์เริ่มจะคลี่คลาย ภาครัฐกลับผลิตซ้ำมายาคติกดทับกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงด้วยวาทกรรม ‘บุกรุกป่า เผาป่า และทำไร่เลื่อนลอย’ เพื่อใช้เป็นข้ออ้างในการสนธิกำลังกันเข้าดำเนินการกับชาวบ้าน
7. แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า ชาวกะเหรี่ยงบ้านบางกลอย-ใจแผ่นดิน ได้ปฏิบัติตามข้อตกลงทุกข้อตามที่เจรจากับรัฐบาลจนได้ข้อยุติ และย้ำว่าภาครัฐต้องยุติการดำเนินการอันจะนำไปสู่การจับกุม ดำเนินคดี และใช้ความรุนแรงทั้งหมด ตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันแล้ว เพื่อเปิดทางให้เกิดการแก้ไขปัญหาที่ยั่งยืนและไม่เกิดการสูญเสียอีก พร้อมทิ้งท้ายแถลงการณ์ว่า “คนต้องเท่ากัน ชาติพันธุ์ก็คือคน”
8. ต่อมา เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งระจาน ได้ประกาศใช้ ‘ยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชร’ โดยระบุว่าพบผู้บุกรุกพื้นที่ป่าบางกลอยบน ที่ห่างจากบางกลอยล่างประมาณ 13 กิโลเมตร และให้ทหารหน่วยเฉพาะกิจทัพพระยาเสือ หน่วยเฉพาะกิจพญาเสือ กรมอุทยานแห่งชาติ สำนักงานสนับสนุนการป้องการและปราบปราม (สปป.1) กรมอุทยานแห่งชาติ และตำรวจตระเวนชายแดน สนธิกำลังขึ้นไปยังพื้นที่บางกลอย-ใจแผ่นดิน เพื่อควบคุมตัวชาวบ้านบางกลอยลงมา จำนวน 13 คน โดยในนี้ มีเด็กเล็กรวมอยู่ด้วย ซึ่งยุทธการนี้ ดำเนินการตั้งแต่วันที่ 22 – 24 กุมภาพันธ์
9. ขณะเดียวกัน วันที่ 22 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ชาวบางกลอยและภาคีSaveบางกลอย รวมตัวกันหน้าหอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร เพื่อเรียกร้องให้รัฐมองทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยเฉพาะการให้สิทธิแก่กลุ่มชาติพันธุ์ และชาวบางกลอยก็ควรได้รับสิทธิในที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ไม่ควรถูกทำร้ายจากเจ้าหน้าที่รัฐ
10. หนึ่งในกิจกรรมของการรวมตัวหน้าหอศิลป์ฯ คือการเผาหุ่นฟางที่แปะภาพใบหน้าของวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยทางภาคีSaveบางกลอยระบุว่า เพื่อเป็นการประณามการกระทำของรัฐบาลที่ ‘ตระบัดสัตย์’ ต่อชาวบ้านบางกลอย
11. แต่แล้ว เมื่อวานนี้ (5 มีนาคม) ก็มีการจับกุมชาวกะเหรี่ยงบางกลอยกว่า 80 ราย โดยประกิต วงศ์ศรีวัฒนกุล รองอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ แถลงว่า พบการบุกรุกพื้นที่เพิ่มเติมจำนวน 30 แปลง เนื้อที่รวมกว่า 157 ไร่ จึงได้ขอหมายศาลจับกุมผู้กระทำผิด ตามกฎหมายอุทยานแห่งชาติ ปี 2562 โดยการจับกุมเป็นไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย และไม่มีการใช้กำลัง โดยนำตัวชาวบ้านที่ถูกจับกุมขึ้นเฮลิคอปเตอร์มายังที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน ซึ่งในกลุ่มคนที่ถูกจับมานั้นมีผู้ที่อยู่ในหมายศาล 22 ราย จากที่ออกหมายจับทั้งหมด 30 ราย ส่วนที่เหลือไม่อยู่ในหมายศาล
12. ประกิต กล่าวด้วยว่า เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนผู้ต้องหาทั้ง 22 คน และนำตัวไปฝากขังที่เรือนจำกลางเพชรบุรี แต่ในส่วนของผู้บุกรุกรายอื่นที่ยังไม่มีการออกหมายจับ เจ้าหน้าที่ได้สอบสวนและบันทึกการจับกุมข้อหาบุกรุกอุทยานฯ และกฎหมายว่าด้วยการป่าไม้ ในจำนวนนี้มี ‘หน่อแอะ มีมิ’ ลูกชายของปู่คออี้อยู่ด้วย ส่วนบุคคลที่อายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 36 คน เจ้าหน้าที่ไม่ได้มีการดำเนินคดี และได้นำส่งผู้ปกครองแล้ว
13. จากเหตุการจับกุมนี้ ภาคีSaveบางกลอย จึงเตรียมส่งจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามบันทึกข้อตกลง เมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา โดยขอให้พิสูจน์สิทธิพื้นที่ทำกินดั้งเดิมทั้งหมดในพื้นที่บางกลอยบน-ใจแผ่นดิน หากพบการทำกินและตั้งถิ่นฐานในพื้นที่นั้นมาก่อน ต้องคืนสิทธิให้ชาวบ้านกลับไปอยู่อาศัยและทำกินได้
14. นอกจากนี้ ยังเรียกร้องให้เปลี่ยนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่า รมว.คนปัจจุบัน ไม่มีความสามารถในบังคับบัญชาเจ้าหน้าที่ในกระทรวงได้
15. สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ระบุว่า ทนายความจะดำเนินการเพื่อขอประกันตัวชาวกะเหรี่ยงบางกลอยต่อศาล และกำลังประสานกับชาวบ้านอีก 8 คนที่ถูกออกหมายจับให้มามอบตัวในวันที่ 8 มีนาคมนี้ด้วย จึงต้องยื่นขอประกันตัวรวมแล้ว 30 ราย
16. ทางสมาคมระบุด้วยว่า เนื่องด้วยหลักประกันมีจำนวนสูง จึงต้องขอความร่วมมือจากนักวิชาการหรืออาจารย์โดยด่วน และไม่จำกัดจำนวน เพื่อใช้ตำแหน่งประกันตัวชาวกะเหรี่ยงบางกลอยทั้งหมด ในวันจันทร์ที่ 8 มีนาคม 2564 เวลา 09.00 น. ณ ศาลจังหวัดเพชรบุรี (ติดตามรายละเอียดได้ที่: https://www.facebook.com/…/a.559642024…/3743949082340229)
17. นอกจากนี้ สมาคมนักกฎหมายสิทธิมนุษยชน ยังออกแถลงการณ์ร่วมกับอีก 6 องค์กรสิทธิ ได้แก่ มูลนิธินิติธรรมสิ่งแวดล้อม มูลนิธิพัฒนาภาคเหนือ มูลนิธิเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนา มูลนิธิผสานวัฒนธรรม มูลนิธิมานุษยะ สมาคมสิทธิเสรีภาพของประชาชน เพื่อขอให้เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติแก่งกระจานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยุติยุทธการพิทักษ์ป่าต้นน้ำเพชรและเคารพสิทธิของกลุ่มชาติพันธุ์กะเหรี่ยงในพื้นที่ดังกล่าว
18. ขณะที่ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ได้ทวีตข้อความว่า พรรคก้าวไกลจะเร่งเตรียมเอกสาร เพื่อประกันตัวให้กับชาวบางกลอย ได้ออกมาต่อสู้คดี โดยตอนนี้อยู่ระหว่างเตรียมเอกสาร และประสานงานกับทางทนายสิทธิฯ
“เพื่อให้ชาวบ้านที่ยืนยันว่าเขาอยู่อาศัย และมีรากเหง้า ณ พื้นที่นั้น มาก่อนการประกาศเป็นเขตป่าสงวน ได้ต่อสู้ตามกระบวนการยุติธรรม”
19. ขณะเดียวกัน เตือนใจ ดีเทศน์ กรรมการสมานฉันท์ ในฐานะอดีตกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ยังตั้งข้อสังเกตถึงประเด็นการจับกุมชาวกะเหรี่ยงบางกลอย ว่าเป็นการกระทำที่เกินกว่าเหตุของเจ้าหน้าที่หรือไม่ เพราะสภาพร่างกายของหน่อแอะ ที่มีความพิการ ไม่สามารถแผ้วถางหรือบุกรุกป่าตามที่ถูกกล่าวหาได้ด้วยตัวเองอยู่แล้ว
เตือนใจยังกล่าวด้วยว่า จะนำกรณีที่เกิดขึ้นนี้เข้าหารือในคณะกรรมการสมานฉันท์ เพื่อนำไปสู่การหาแนวทางแก้ปัญหา และยุติการละเมิดสิทธิชาวบ้านอย่างเร่งด่วน ในวันที่ 8 มีนาคมที่จะถึงนี้
อ้างอิงจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/302126
https://www.khaosod.co.th/special-stories/news_6080764
https://www.khaosod.co.th/newspaper/newspaper-front-page/news_5975704
https://www.matichon.co.th/politics/news_2590586
https://www.khaosod.co.th/around-thailand/news_6068967
https://prachatai.com/journal/2021/02/91807
https://twitter.com/wirojlak/status/1367883708598919173?s=20
#saveบางกลอย #Recap #TheMATTER