ประเทศไทยได้ใช้วัคซีนของ Sinovac ในการฉีดให้ประชาชนเป็นหลัก ท่ามกลางหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ที่ชี้ว่า มันอาจไม่ช่วยยับยั้งการติดเชื้อได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายพันธุ์เดลต้า (อินเดีย) ที่น่าเป็นกังวล
ล่าสุด มีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊ก Chai Siris ที่ได้รับการฉีดวัคซีน Sinovac ครบโดส ออกมาระบุว่า เขาทำการตรวจหาภูมิต้านทาน 3 วิธี และพบว่ามีตัวเลขภูมิต้านทานที่ขึ้นต่ำมาก โดยสันนิษฐานว่า วัคซีน Sinovac ครบโดส อาจไม่มีประสิทธิผลมากพอ ในการป้องกันการติดเชื้อ COVID-19 โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลต้า
ในโพสต์ระบุว่า เขาได้รับวัคซีน Sinovac โดสแรกและโดสที่สอง ในวันที่ 8 เมษายน พ.ศ.2564 และ 29 เมษายน พ.ศ.2564 ตามลำดับ ก่อนที่จะใช้วิธีการตรวจหาเชื้อทั้งหมด 3 รูปแบบ ได้แก่
- ชุดตรวจภูมิต้านทานต่อเชื้อ COVID-19 ค่า IgM และ IgG เพื่อตรวจหาว่ามีการติดเชื้อหรือไม่ หลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้ว ผลพบว่าไม่มีการติดเชื้อ และไม่มีภูมิต้านทานขึ้น
- ชุดตรวจเครื่อง Roche ด้วยวิธีตรวจเลือด ECLIA เพื่อหาค่าปริมาณภูมิต้านทาน anti-spike
- ชุดตรวจ ELISA ด้วยวิธีหาสารภูมิต้านทานกำจัดฤทธิ์ของเชื้อ (NAb)
สำหรับวิธีที่ 2 ที่เป็นการตรวจเลือด ECLIA เพื่อหาภูมิต้านทาน ของศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ด้วยการเก็บตัวอย่างเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน พ.ศ.2564 ผลพบว่า มีปริมาณภูมิต้านทานอยู่ที่ 40.41 ยูนิตต่อมิลลิลิตร (U/mL)
ห้องปฏิบัติการณ์ที่ทำการตรวจ ได้กำหนดค่ามัธยฐานที่ภูมิต้านทานหลังได้รับการติดเชื้อและรักษาหายแล้วควรมี 91.74 u/ml ซึ่งถือได้ว่า ผลการผลิตภูมิต้านทาน หลังรับวัคซีนของ Sinovac นั้น ต่ำมาก ทั้งนี้ องค์การอนามัยโลก (WHO) ยังไม่ได้กำหนดค่ามาตรฐานขั้นต่ำ ด้วยวิธีการตรวจหาเชื้อดังกล่าว และไม่สามารถนำผลการตรวจในวิธีนี้ ไปเปรียบเทียบกับวิธีการที่ 3 ได้
สำหรับวิธีการที่ 3 หรือวิธีตรวจ ELISA เพื่อหาสารภูมิต้านทานกำจัดฤทธิ์ของเชื้อ (NAb) ซึ่งเจ้าของโพสต์ ได้ทำการเก็บตัวอย่าง ในวันที่ 17 มิถุนายน พ.ศ.2564 ส่งไปตรวจยังศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เจ้าของโพสต์ระบุว่า พบค่าภูมิต้านทานของ Sinovac ในร่างกายอยู่ที่ 23.01 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี การตรวจหาภูมิต้านทานดังกล่าว ควรมีผลลัพธ์ของภูมิต้านทานอยู่ในระดับต่ำที่สุดที่ 20 เปอร์เซ็นต์ หมายถึง ผลตรวจของเจ้าของโพสต์ เกินค่าต่ำสุดมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น โดยถ้าหากเทียบกับผลการตรวจหาภูมิต้านทาน ของผู้ที่ได้รับวัคซีนของ AstraZeneca และ Pfizer ซึ่งยับยั้งสายพันธุ์เดลต้าได้ จะพบว่า Sinovac ยับยั้งแทบไม่ได้ โดยเจ้าของโพสต์คาดหวังว่า การฉีด Sinovac จะช่วยไม่ให้ป่วยหนัก ตามที่รัฐบาลได้อ้างเอาไว้จริง
Chai Siris ระบุว่า ภูมิต้านทานส่วนตัว ของผู้ที่ได้รับวัคซีนแต่ละคนจะตอบสนองไม่เหมือนกัน โดยร่างกายของมนุษย์ยังมีการทำงานในหลายระบบ แต่ถ้าเจอไวรัสกลายพันธุ์ ที่มีฤทธิ์มากกว่าไวรัสชนิดอื่น วัคซีนบางชนิดก็อาจไม่สามารถผลิตภูมิต้านทานได้ดีมากพอ โดยเจตนาการโพสต์ ไม่ได้ต้องการจะให้คนอ่านโพสต์ไม่ไปฉีดวัคซีน แต่เขียนขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์ในการประกอบการตัดสินใจ
ทั้งนี้ มีข้อเสนอจาก นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ระบุว่า ผู้ที่ได้รับการฉีด Sinovac ครบ 2 โดสแรก สามารถเตรียมรับวัคซีนโดสที่ 3 ได้เลย เนื่องจากผลการวัดระดับภูมิต้านทานยังต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็นต์ จึงจะยังไม่มีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์เดลต้า ในขณะที่ นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค ระบุว่าต่อกระแสวิพากษ์วิจารณ์ ที่ไทยสั่งซื้อ Sinovac เพิ่มอีก 28 ล้านโดสว่า การฉีดวัคซีนเข็มที่ 3 ต้องรอข้อมูลวิชาการก่อน ตอนนี้ยังเร็วไปที่จะพูด
อ้างอิงจาก
https://www.matichonweekly.com/in-depth/article_306676
https://www.hfocus.org/content/2020/11/20437
https://www.hfocus.org/content/2020/12/20719
https://www.prachachat.net/general/news-695645
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6465537
#Brief #TheMATTER