วันนี้ (26 ก.ค. 2565) ศาลจังหวัดนราธิวาสนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ ‘อุดม’ (สงวนนามสกุล) คนทำงานโรงงานจาก จ.ปราจีนบุรี วัย 34 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาในข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการโพสต์เฟซบุ๊ก 7 ข้อความ
ล่าสุด ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนได้รายงานว่า ศาลมีคำพิพากษา เห็นว่า มีความผิดใน 2 ข้อความ ให้ลงโทษจำคุก กรรมละ 3 ปี รวม 6 ปี แต่จำเลยให้การเป็นประโยชน์ ลดโทษ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา
ทั้งนี้ โพสต์ทั้ง 7 ข้อความในคดีนี้ เป็นการโพสต์โดยบัญชีเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อ–สกุลเดียวกับจำเลย ในช่วง ต.ค. 2563 ถึง ม.ค. 2564 ศูนย์ทนายฯ ระบุว่า มีโพสต์ที่เป็นภาพและข้อความของผู้ใช้เพียงอย่างเดียว 5 ข้อความ นอกจากนั้น เป็นโพสต์ที่แชร์จากข่าวของสำนักข่าวมติชน และเพจ ‘คนไทยยูเค’ พร้อมเขียนข้อความประกอบ
เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2564 อุดมได้รับหมายเรียกในคดีดังกล่าว จาก สภ.สุไหงโก–ลก โดยมี พสิษฐ์ จันทร์หัวโทน เป็นผู้กล่าวหา และมีตำรวจในพื้นที่เป็นผู้นำหมายไปส่งที่บ้าน ซึ่งแฟนเป็นผู้รับไว้ เขาเล่ากับศูนย์ทนายฯ ว่า วันนั้น แฟนตกใจมาก เห็นข้อหา ‘หมิ่นประมาท ดูหมิ่น และอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์’ แล้วรู้สึกช็อก และจากการลองศึกษากฎหมายเอง ก็พบว่าเป็นคดีอาญา ถ้าไม่ไปจะโดนจับ จึงเดินทางไปนราธิวาสด้วยตนเอง
ต่อมา เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 พนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ภาค 9 ก็ได้มีคำสั่งฟ้องใน 2 ข้อหา คือ ข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา ม.112 และตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ม.14(3)
อัยการระบุว่า ข้อความทั้งหมดเป็นการดูถูก เหยียดหยาม ด่าทอ พระมหากษัตริย์ทั้ง 2 องค์ โดยประการที่น่าจะทําให้เสื่อมเสียพระเกียรติ ชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น และถูกเกลียดชัง อันมีเจตนาเพื่อทําให้ประชาชนเสื่อมศรัทธา และไม่เป็นที่เคารพสักการะ ซึ่งถือเป็นการหมิ่นประมาท และเป็นการนำเข้าระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร
ขณะที่ในการต่อสู้คดี อุดมก็ยอมรับว่าโพสต์ข้อความจริง แต่ไม่ได้มีเจตนาดูหมิ่นพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ไม่ได้เอ่ยนามบุคคลใดในโพสต์ ศูนย์ทนายฯ ยังตั้งข้อสังเกตด้วยว่า พยานโจทก์ก็เห็นไม่ตรงกันว่าแต่ละข้อความหมายถึงสิ่งใด ขณะที่บางข้อความที่ตีความว่าหมายถึงในหลวง ร.9 ฝ่ายจำเลยก็ค้านว่า ม.112 คุ้มครองเฉพาะพระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบันเท่านั้น
อย่างไรก็ดี ศาลก็ได้สั่งให้จำคุก 6 ปี โดยลดโทษเหลือจำคุก 4 ปี ไม่รอลงอาญา ทั้งนี้ ศูนย์ทนายฯ ได้รายงานเมื่อเวลา 10.28 น. ของวันนี้ว่า กำลังทำเรื่องประกันตัวจำเลยในชั้นอุทธรณ์
ต่อมาเมื่อเวลา 11.50 น. ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ประกันตัว โดยเป็นหลักทรัพย์ประกันเดิม 30,000 บาท ซึ่งเป็นของญาติจำเลย และวางหลักประกันเพิ่ม 15,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ และให้ไปรายงานตัวกับผู้ใหญ่บ้านในท้องที่ที่อาศัยอยู่ ทุกวันที่ 1 ของเดือน จนกว่าจะมีคำพิพากษาหรือครบกำหนดอุทธรณ์
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/TLHR2014/status/1551771351836692481
https://tlhr2014.com/archives/46486
https://tlhr2014.com/archives/46042