รอคอยกันมานานร่วมเดือน ว่าจะเอาอย่างไรต่อ กับประเด็นความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าครบ 8 ปี และต้องสิ้นสุดลงแล้วหรือยัง หลังจากที่ศาลรัฐธรรมนูญมีมติรับวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565 ที่ผ่านมา
ล่าสุด ศาลรัฐธรรมนูญก็มีคำวินิจฉัยแล้ว ด้วยมติเสียงข้างมาก 6:3 ให้เริ่มนับวาระการดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 หรือวันที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ นั่นหมายความว่า เขาจะมีสิทธิได้เป็นนายกฯ ยาวต่อไปได้ถึงวันที่ 5 เม.ย. 2568
The MATTER สรุปคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ปม 8 ปี การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไว้ดังนี้
1.
ต้องอธิบายก่อนว่า คดีนี้เริ่มเป็นเรื่องเป็นราวขึ้นมา หลังจากที่สมาชิกพรรคร่วมฝ่ายค้าน ทั้งหมด 171 ราย ยื่นรายชื่อเมื่อวันที่ 17 ส.ค. 2565 ต่อ ชวน หลีกภัย ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าความเป็นรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ สิ้นสุดลงแล้วหรือยัง และขอให้ศาลพิจารณาสั่ง พล.อ.ประยุทธ์ หยุดปฏิบัติหน้าที่จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย
2.
แนวคิดเบื้องหลัง มาจากการนับเลขง่ายๆ ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2557 ภายหลังการรัฐประหารเมื่อปี 2557 นั่นหมายความว่า วาระการดำรงตำแหน่ง 8 ปีของเขา จะต้องครบในวันที่ 24 ส.ค. 2565 นี้แล้วหรือเปล่า?
เรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงกันอย่างดุเดือดในช่วงเดือนที่ผ่านมา จนต้องเป็นหน้าที่ของศาลรัฐธรรมนูญที่ถูกร้องขอให้วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าว
3.
ก่อนจะไปถึงคำวินิจฉัย ต้องดูก่อนว่ามีบทบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้บ้าง ข้อแรกคือระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ที่มีการกำหนดให้ไม่เกิน 8 ปี ไม่ว่าจะติดต่อกันหรือไม่ ซึ่งปรากฏอยู่ในมาตรา 158 วรรค 4:
“นายกรัฐมนตรีจะดำรงตำแหน่งรวมกันแล้วเกินแปดปีมิได้ ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นการดำรงตำแหน่งติดต่อกันหรือไม่ แต่มิให้นับรวมระยะเวลาในระหว่างที่อยู่ปฏิบัติหน้าที่ต่อไปหลังพ้นจากตำแหน่ง”
อีกข้อหนึ่ง ที่มักถูกยกขึ้นมาโดยนักวิชาการและนักกฎหมายฝ่ายที่สนับสนุนให้เริ่มนับการดำรงตำแหน่งตั้งแต่ปี 2557 ซึ่งจะทำให้ครบ 8 ปีแล้วในปีนี้ ก็คือบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรค 1 ที่กำหนดว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่อยู่มาก่อนประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ให้ถือว่าเป็น ครม. ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย:
“ให้คณะรัฐมนตรีที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้เป็นคณะรัฐมนตรีตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จนกว่าคณะรัฐมนตรีที่ตั้งขึ้นใหม่ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไปครั้งแรกตามรัฐธรรมนูญนี้จะเข้ารับหน้าที่ และให้นำความในมาตรา 263 วรรคสาม มาใช้บังคับแก่การดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วยโดยอนุโลม”
4.
แต่อย่างที่ได้พูดถึงไป ว่าเรื่องนี้กลายเป็นที่ถกเถียงอย่างหนัก และการนับ 8 ปีของแต่ละคนก็ไม่เท่ากัน แต่มีความแตกต่างกันแยกออกมาถึง 3 ทางเลือก ซึ่งเราสามารถสรุปสั้นๆ ได้ดังนี้
- เริ่มนับตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ สมัยแรก วันที่ 24 ส.ค. 2557 จะทำให้ครบวาระไปแล้วเมื่อวันที่ 24 ส.ค. 2565
- เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ หรือวันที่ 6 เม.ย. 2560 จะทำให้ดำรงตำแหน่งต่อได้อีกประมาณ 3 ปี คือจนถึงวันที่ 5 เม.ย. 2568
- เริ่มนับตั้งแต่วันที่โปรดเกล้าฯ เป็นนายกฯ สมัยที่ 2 หลังการเลือกตั้งใหญ่ คือวันที่ 9 มิ.ย. 2562 จะทำให้อยู่ต่อยาวๆ ได้ถึงวันที่ 8 มิ.ย. 2570 หรืออีกประมาณ 5 ปี
5.
ท้ายที่สุด เส้นทางที่ศาลรัฐธรรมนูญเลือก ก็คือเส้นทางที่ 2 คือให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ หรือตั้งแต่วันที่ 6 เม.ย. 2560 โดยมีการอ่านคำวินิจฉัยในวันนี้ (30 ก.ย. 2565) มีมติเห็นชอบในแนวทางดังกล่าว ด้วยเสียงข้างมาก 6:3
6.
โดยศาลรัฐธรรมนูญให้เหตุผลสำหรับประเด็นบทเฉพาะกาล มาตรา 264 วรรค 1 ว่า บทบัญญัติดังกล่าว เป็นไปตามหลักทั่วไปของการบังคับใช้กฎหมาย คือ กฎหมายย่อมมีผลบังคับนับแต่วันประกาศใช้
“เมื่อรัฐธรรมนูญนี้ มีผลใช้บังคับเมื่อวันที่ 6 เม.ย. 2560 ย่อมมีความหมายว่า ทุกบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญย่อมมีผลใช้บังคับเป็นการทั่วไป เว้นแต่ในบทเฉพาะกาลจะมีการบัญญัติให้เรื่องใดยังไม่มีผลใช้บังคับ” ศาลรัฐธรรมนูญระบุ
คำอธิบายนี้ของศาลรัฐธรรมนูญ หมายความว่า มาตรา 264 วรรค 1 มีความมุ่งหมาย คือ เพื่อให้ ครม. ที่อยู่ก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ เป็น ครม. ตามรัฐธรรมนูญฉบับนี้ด้วย เพื่อให้บทบัญญัติทุกประการตามรัฐธรรมนูญนี้ใช้กับ ครม. ชุดดังกล่าวได้ทันทีหลังจากที่ประกาศใช้รัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 โดยที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการบังคับใช้ย้อนหลัง
7.
ส่วนในเรื่องของการบังคับใช้กฎหมายย้อนหลัง ศาลรัฐธรรมนูญยกคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3-5/2550 เรื่อง การยุบพรรคพัฒนาชาติไทย พรรคแผ่นดินไทย และพรรคไทยรักไทย และคำวินิจฉัยที่ 24/2564 เรื่อง การสิ้นสุดความเป็น ส.ส. ของ สิระ เจนจาคะ ที่เป็นการใช้กฎหมายย้อนหลังเพื่อลดทอนสิทธิทางการเมือง ขึ้นมา ก่อนจะตีตกว่าไม่เกี่ยวข้องกับกรณีนี้
ศาลให้เหตุผลว่า “บทบัญญัติรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 ที่ใช้บังคับ มิได้บัญญัติการดำรงตำแหน่งของนายกรัฐมนตรีตามระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ให้มีผลย้อนหลังได้
“คำวินิจฉัยทั้งสองดังกล่าว จึงเป็นคนละกรณีกับข้อเท็จจริงในคดีนี้ ซึ่งเป็นกรณีเกี่ยวกับการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีตามระยะเวลาที่รัฐธรรมนูญกำหนด อันเป็นเหตุให้ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรีสิ้นสุดลง ซึ่งมีหลักการและเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญและกฎหมายที่ต่างกัน จึงมิอาจนำมาเทียบเคียงกันได้”
8.
นอกจากนี้ยังมีเรื่องของการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ครั้งที่ 500 เมื่อวันที่ 7 ก.ย. 2561 ที่ถูกยกขึ้นมา ซึ่งเป็นครั้งที่ มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. เคยชี้แนะว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ ควรนับรวมช่วงก่อนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้ด้วย เรื่องนี้ศาลรัฐธรรมนูญก็ตีตกโดยให้เหตุผลว่า
- การประชุมดังกล่าวเป็นการประชุมเพื่อพิจารณาความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ซึ่งเป็นเพียงการอธิบายแนวความคิดของ กรธ. ในการจัดทำบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญและมาตราต่างๆ ว่ามีความมุ่งหมายอย่างไร
- เป็นการพิจารณาภายหลังรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 ประกาศใช้บังคับ เป็นเวลาถึง 1 ปี 5 เดือน
- ความเห็นของประธาน กรธ. และรองประธาน กรธ. คนที่ 1 มิได้นำไประบุไว้เป็นความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตราของรัฐธรรมนูญ มาตรา 158
- การบันทึกการประชุมและรายงานการประชุมของ กรธ. ที่พิจารณาเกี่ยวกับการกำหนดระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของนายกฯ ตาม มาตรา 158 วรรค 4 ไม่ปรากฏประเด็นในการพิจารณาหรืออภิปรายเกี่ยวกับการนับระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ ว่า สามารถนับรวมระยะเวลาการดำรงตำแหน่งนายกฯ อยู่ก่อนวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้บังคับได้ด้วย
9.
สุดท้าย ศาลรัฐธรรมนูญจึงสรุปว่า การดำรงตำแหน่งนายกฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ จะเป็นการดำรงตำแหน่งนายกฯ ภายใต้รัฐธรรมนูญนี้ ต้องอยู่ภายใต้บังคับตามมาตรา 158 วรรค 4 และการที่ ครม. ที่บริหารราชการแผ่นดินอยู่ในวันก่อนวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญนี้ เป็น ครม. ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้ จะต้องถือเอาวันที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นวันเริ่มต้นการเข้ารับตำแหน่ง
“ผู้ถูกร้องจึงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรียังไม่ครบกำหนดเวลาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 158 วรรค 4 ความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง จึงไม่สิ้นสุดลง ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 170 วรรค 2 ประกอบมาตรา 158 วรรค 4” ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย
นั่นจึงทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จะยังอยู่กับเราในฐานะผู้นำรัฐบาล ไปจนกว่าสภาผู้แทนราษฎรชุดที่ 25 จะหมดวาระลง ในเดือน มี.ค. 2566 ที่จะถึงนี้ หรือจนกว่าจะมีการประกาศยุบสภาฯ และถ้าหากนับวาระรวมทั้งหมด 8 ปีจริงๆ เขาก็มีสิทธิจะเป็นนายกฯ ต่อได้ยาวถึง 5 เม.ย. 2568
อ้างอิงจาก