ก่อนเริ่มเตะในศึก อังกฤษ-อิหร่าน นัดแรกของกลุ่ม B เมื่อวานนี้ (21 พฤศจิกายน) นักเตะทีมชาติอิหร่านทั้งทีม ต่างยืนสงบนิ่งในระหว่างอิหร่านกำลังเปิดเพลงชาติ ทั้งที่รู้ดีว่าตัวเองและครอบครัวที่บ้านอาจต้องตกอยู่ในอันตราย เป็นที่ชัดเจนว่าทำไปเพื่อสนับสนุนการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเกิดของพวกเขาเอง
ทางฝั่งผู้ชมชาวอิหร่าน ก็ส่งเสียงโห่ร้องในระหว่างที่เปิดเพลงชาติ เพื่อแสดงจุดยืนต่อต้านรัฐบาลเผด็จการอิหร่าน ขณะที่บางคนก็ชูป้ายหรือใส่เสื้อที่เขียนว่า “ผู้หญิง, ชีวิต, เสรีภาพ” (“Women, Life, Freedom”) ซึ่งเป็นคำขวัญยอดนิยมภายในขบวนการประท้วงในอิหร่าน
ในขณะเดียวกัน มีรายงานด้วยว่า ช่องทีวีของรัฐบาลอิหร่านได้ตัดการถ่ายทอดสดในช่วงที่เปิดเพลงชาติไป โดยเปลี่ยนไปแสดงภาพกว้างของสนามแทน
ก่อนหน้านี้ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พฤศจิกายน) เอห์ซาน ฮัจญ์ซาฟี (Ehsan Hajsafi) กัปตันทีมชาติอิหร่าน ยังเป็นนักเตะคนแรกที่ออกมาพูดถึงการต่อสู้ที่อิหร่านอย่างตรงไปตรงมาด้วย “เราต้องยอมรับว่าสถานการณ์ในประเทศของเราตอนนี้ยังไม่ถูกต้อง และผู้คนก็ไม่พอใจ
“เรามาถึงที่นี่ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราไม่ควรเป็นกระบอกเสียงให้พวกเขา หรือเราต้องไม่เคารพพวกเขา” เขากล่าว
กัปตันทีมชาติอิหร่านยังระบุอีกว่า “ทุกอย่างที่เรามีทั้งหมดมาจากพวกเขา เราต้องสู้ เราต้องเล่นและทำคะแนนเพื่อนำผลการแข่งขันไปแสดงให้ประชาชนผู้กล้าแห่งอิหร่านได้เห็น ผมหวังว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนไปในทางที่เป็นไปตามความคาดหวังของประชาชน”
การประท้วงในอิหร่าน ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 2 เดือนแล้ว นับตั้งแต่วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมา ภายหลังการเสียชีวิตของ มาห์ซา อามินี (Mahsa Amini) หญิงวัย 22 ปี ที่เสียชีวิตหลังถูกตำรวจศีลธรรมควบคุมตัวโทษฐานไม่ใส่ฮิญาบ จนเป็นชนวนเหตุสำคัญให้ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลเผด็จการ
ข้อมูลจากกลุ่มสิทธิมนุษยชนอิหร่าน (Iran Human Rights) ซึ่งตั้งอยู่ในนอร์เวย์ ระบุว่า มีผู้ชุมนุมเสียชีวิตอย่างน้อย 342 รายแล้ว บางส่วนถูกสั่งประหารชีวิต และยังมีประชาชนถูกจับอีกมากกว่า 15,000 คน ขณะที่ยูนิเซฟ (UNICEF) ได้ออกมาเรียกร้องให้หยุดการสังหารเด็ก ซึ่งที่ผ่านมา คาดว่ามีจำนวนผู้เสียชีวิตที่เป็นเด็กอย่างน้อย 50 รายแล้ว
อ้างอิงจาก