ปี 1971 เมลิซซ่า ไฮสมิทธ์ (Melissa Highsmith) ทารกวัยเพียง 21 เดือน ถูกลักพาตัวจากอ้อมอกของครอบครัว พวกเขาใจสลาย แต่ไม่เคยลืมเธอ และยังจัดปาร์ตี้วันเกิดให้เสมอในแทบทุกปี
แต่ไม่กี่วันที่ผ่านมา เมลิซซ่าได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากับครอบครัวอีกครั้ง! สำนักข่าว Fort Worth Star-Telegram รายงานว่า เมลิซซ่า หญิงวัย 53 ปี ได้กลับมาพบกับพ่อแม่และลูกพี่ลูกน้องอีกครั้ง เรียกได้ว่าเป็นการเจอกันครั้งแรกในรอบครึ่งศตวรรษ
เมื่อ 51 ปีก่อน เมลิซซ่าอาศัยอยู่ในเมืองฟอร์ตเวิร์ท รัฐเท็กซัส สหรัฐฯ เธอเป็นเพียงทารกที่ยังไม่รู้ประสา ขณะนั้นอัลตา อแพนเทนโก (Alta Apantenco) ผู้เป็นแม่ ต้องทำงานเพื่อหาเลี้ยงลูก จึงลงโฆษณาประกาศหาพี่เลี้ยงเด็กบนหนังสือพิมพ์ หวังจะให้มีคนมาช่วยดูแลเด็กตอนเธอไปทำงาน
ก่อนจะตัดสินใจจ้างหญิงรายหนึ่งที่ติดต่อมาว่าสนใจรับงานนี้ ทั้งที่ไม่เคยเจอกันตัวเป็นๆ และในวันที่พี่เลี้ยงเด็กมารับเมลิซซ่า รูมเมทของอแพนเทนโกก็มอบทารกให้กับหญิงสาวผู้ที่ไม่เคยเอาทารกมาคืนอีกเลย
นำมาสู่การรายงานคนหายกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ครอบครัวของเมลิซซ่าไม่เคยลืมเธอเลยแม้จะผ่านมานานหลายสิบปี พวกเขาพยายามทำให้เรื่องราวของเมลิซซ่าอยู่ในแสงบ่อยๆ และเมื่อไม่นานมานี้ก็เพิ่งสร้างเฟซบุ๊กเพจชื่อ “ตามหาเมลิซซ่า ไฮสมิทธ์” ขึ้น
ประกายความหวังเกิดขึ้น หลังมีบุคคลนิรนามติดต่อมาเมื่อเดือนกันยายนว่า เจอคนคล้ายเมลิซซ่าอยู่แถวๆ เมืองชาร์ลสตัน รัฐเวอร์จิเนีย ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองฟอร์ตเวิร์ทกว่า 1770 กิโลเมตร
ปฏิบัติการตามหาลูกจึงเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ทางครอบครัวจึงติดต่อไป และใช้วิธีตรวจสอบผ่านการตรวจ DNA, เช็คจุดที่มีปานตั้งแต่กำเนิด และเช็ควันเกิด ซึ่งครอบครัวมั่นใจมากกว่าเมลิซซ่าคือทารกที่หายไปตั้งแต่ 51 ปีก่อน เพราะผล DNA มีความเชื่อมโยงกัน และมีปานในจุดเดียวกัน
ครอบครัวของเธอสุขใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก ทางชารอน ไฮสมิทธ์ (Sharon Highsmith) พี่สาวของเมลิซซ่าบอกว่า ที่ผ่านมาครอบครัวต้องทุกข์ทรมานมาโดยตลอด แต่ตอนนี้ได้โอกาสเจอและทำความรู้จักเมลิซซ่าแล้ว “พวกเราได้ต้อนรับเธอกลับคืนสู่ครอบครัว และทดแทนช่วงเวลาที่หายไปกว่า 50 ปี” ชารอน ระบุ
เชื่อว่าใครหลายคนคงสงสัยเหมือนกันว่า ‘แล้วเธอถูกลักพาตัวโดยไปใคร’ ล่าสุด ตอนนี้ครอบครัวยังไม่ทราบแน่ชัดว่าบุคคลที่เลี้ยงเมลิซซ่ามาคือคนที่ลักพาตัวหรือเปล่า และยังไม่รู้ว่ามารับบทผู้ปกครองของเมลิซซ่าว่าอย่างไร
แม้คดีจะหมดอายุความไปแล้ว แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจเมืองฟอร์ตเวิร์ทบอกว่าจะเดินหน้าสืบสวนคดีนี้ต่อไป
อ้างอิงจาก