“ไม่มีใครรู้ปัญหามากกว่าคนในพื้นที่ คนในพื้นที่ย่อมรู้ปัญหามากกว่าคนนอกพื้นที่ที่มาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลาง คนในพื้นที่ย่อมรักบ้านของตัวเอง และอยากเห็นบ้านของตัวเองพัฒนามากกว่า”
หลังล่ารายชื่อประชาชนได้กว่า 7 หมื่นราย วันนี้ (30 พฤศจิกายน) ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า กลับเข้ารัฐสภาอีกครั้ง เพื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวด 14 ฉบับปลดล็อกท้องถิ่น เพื่อกระจายอำนาจคืนสู่ประชาชน และปฏิรูประบบราชการรวมศูนย์
ธนาธรเริ่มต้นการอภิปรายด้วยการโชว์ ‘น้ำประปา’ สีขุ่นจาก จ.ร้อยเอ็ด พร้อมกับอธิบายว่า ปัญหาพื้นฐานของพื้นที่นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข และชวนตั้งคำถามว่าทำไมคน กทม. ถึงมีสิทธิเข้าถึงน้ำประปาที่ใสสะอาดได้ 24 ชั่วโมงต่อวัน ขณะที่คนต่างจังหวัดกลับไม่ได้สิทธินั้น
จากนั้น ประธานคณะก้าวหน้าอธิบายว่า อบต. มีงบประมาณเพียงไม่กี่ล้านต่อปี ซึ่งเงินเหล่านี้มักถูกใช้ไปกับการลงทุนอื่นๆ เพื่อพัฒนาพื้นที่อยู่เสมอ และบ่อยครั้งงบไม่พอใช้ ทำให้ส่วนท้องถิ่นต้องเขียนโครงการเพื่อของบประมาณ อันเป็นจุดเริ่มต้นของการวิ่งเต้น และเข้าสู่ระบบอุปถัมภ์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นโครงสร้างการเมืองการปกครองของไทยที่อาจไม่ตอบโจทย์และแก้ปัญหาได้
“การแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ เพิ่มขีดความสามารถ และยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้ดีขึ้น หากมีนโยบายที่จะทำให้เป็นเช่นนั้นได้ คือ นโยบายการกระจายอำนาจ และลดการรวมศูนย์จากศูนย์กลาง” ธนาธร กล่าว
ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปลดล็อกท้องถิ่น ธนาธรอธิบายว่าเป็นการเปิดตัวเครื่องจักรเศรษฐกิจชิ้นใหม่ของประเทศไทย และหลักใหญ่ใจความของร่างฯ นี้แบ่งออกเป็น 3 ประเด็น ได้แก่
1) อำนาจอิสระในการบริหาร ซึ่งร่างฯ จะยึดหลักการพื้นฐานว่าอำนาจเป็นของประชาชน ท้องถิ่นพื้นฐานจะมีอำนาจและอิสระเต็มที่ในการออกแบบพัฒนาชุมชนของตัวเอง อันเกิดจากสมมติฐานว่า
“ไม่มีใครรู้ปัญหามากกว่าคนในพื้นที่ คนในพื้นที่ย่อมรู้ปัญหามากกว่าคนนอกพื้นที่ที่มาจากการแต่งตั้งจากส่วนกลาง คนในพื้นที่ย่อมรักบ้านของตัวเองมากกว่า คนในตำบลย่อมอยากเห็นบ้านของตัวเองพัฒนามากกว่า” ธนาธร ระบุ
2) การจัดการงบประมาณที่เป็นธรรมและเหมาะสมกับภารกิจ โดยเสนอให้ปรับการแบ่งรายได้ให้ท้องถิ่นมากขึ้นในอนาคต เพื่อให้งบประมาณใกล้ประชาชนมากที่สุด จนท้องถิ่นมีงบเพียงพอในการพัฒนาบริการสาธารณะในพื้นที่ได้
3) การทำประชามติปรับโครงสร้างบริหารประเทศครั้งใหญ่ ร่างฯ นี้ ระบุให้มีการทำประชามติใน 5 ปี ว่าจะยกเลิกระบบราชการส่วนภูมิภาค และควบรวมคน งาน งบ เข้ากับท้องถิ่นหรือไม่ หลังกระจายอำนาจและสัดส่วนไปแล้ว
ท้ายที่สุด ธนาธรยกตัวเลข ส.ส. ที่ปรึกษาหารือถึงปัญหาท้องถิ่นในรัฐสภาว่าสูงถึงร้อยละ 65 ไม่ว่าจะปัญหาพื้นฐานอย่างน้ำประปาไม่สะอาด ถนนเป็นหลุมบ่อ น้ำท่วมขัง หรือกระทั่งสะพานลอย ปัญหาจากทุกภูมิภาคในประเทศหลั่งไหลเข้ามาสู่รัฐสภาเพื่อส่งเรื่องให้ราชการส่วนกลาง–ภูมิภาคเข้าไปแก้ไข ซึ่งธนาธรชี้ว่า ปัญหาพวกนี้แบ่งความรับผิดชอบให้ท้องถิ่นมาจัดการได้ แถมยังตอบสนองประชาชนได้เร็วขึ้นด้วย
“ท่านอาจไม่ชอบผม ไม่เป็นไร แต่ขอให้ดูผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก เสนอร่างนี้เข้าไป ถ้าหากผ่าน ผมไม่ได้ประโยชน์อะไรจากร่างนี้เลย แต่ประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะได้ประโยชน์
“ถ้ายังไม่เห็นด้วยบางประเด็นของร่างแก้ไขนี้ ขอให้ทุกคนรับหลักการไปก่อน แล้วมาพูดคุยกัน หารือกัน ประนีประนอม เพื่อวาระต่อไป ประเทศไทยจะได้เดินต่อไปข้างหน้าได้” ธนาธร กล่าวทิ้งท้าย
อ้างอิงจาก
https://www.youtube.com/watch?v=8H8P2K2u21Y