เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2565 เฟซบุ๊กเพจของกองบังคับการอารักขาและควบคุมฝูงชน หรือตำรวจ คฝ. ได้แชร์พระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งเคยให้ไว้แก่ข้าราชการตำรวจ เมื่อปี 2532 ที่ว่าด้วยความรับผิดชอบ สุจริต เป็นธรรม อดทนเสียสละ รวมถึงระมัดระวัง ควบคุมสติ เพื่อให้สามารถปฏิบัติหน้าที่ที่ยากลำบากได้สำเร็จ
วันถัดมา เพจเดียวกันได้แชร์ภาพ พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.อคฝ. (อัศวิน 1) และ พ.ต.อ.วชิรพงษ์ แก้วดวง รอง ผบก.อคฝ. (อัศวิน 4) มอบรางวัลให้แก่ข้าราชการตำรวจ คฝ. ซึ่งได้รับบาดเจ็บขณะปฏิบัติหน้าที่ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565
สิ่งที่น่าสนใจคือ ในโพสต์นั้น ไม่เรียกเหตุการณ์ดังกล่าวว่า “สลายการชุมนุม” แต่เลี่ยงไปใช้คำว่า “จับกุมผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดซึ่งหน้า”
ปัจจุบัน เหตุสลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎรหยุด APEC2022 เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 บริเวณถนนดินสอ ของตำรวจ คฝ. ถูกวิพากษ์วิจารณ์และเรียกร้อง “ให้แสดงความรับผิดชอบ” จากหลายๆ ฝ่าย เนื่องจากมีการใช้กำลังจนผู้ชุมนุมบาดเจ็บจำนวนมาก บางคนถูกยิงกระสุนยางจนตาสูญเสียการมองเห็น นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ติดเครื่องหมายแสดงตัวหรือตะโกนบอกว่าเป็นสื่อหลายครั้ง ซึ่งอาจเข้าข่ายละเมิดคำสั่งศาลแพ่งในคดีหมายเลขดำที่ พ.3683/2564 (คดีกระสุนยาง) ที่ศาลเคยสั่งให้ตำรวจควบคุมหรือสลายการชุมนุมโดยต้องคำนึงถึงความปลอดภัยของสื่อ และศาลสั่งให้สำนักสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าชี้แจงในวันที่ 17 มกราคม 2566 ว่าได้ปฏิบัติตามคำสั่งดังกล่าวหรือไม่
ขณะที่องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้ยื่นคำร้องให้คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน (กสม.) เข้ามาตรวจสอบด้วย พร้อมขอนัดวันเข้าพบ ผบ.ตร. เพื่อสื่อสารถึงปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจ คฝ. ในวันดังกล่าว แต่ถึงปัจจุบัน ยังไม่มีกำหนดนัดเจอกัน
การเลี่ยงไปใช้คำว่า “จับกุมผู้ชุมนุมที่กระทำความผิดซึ่งหน้า” ไม่ใช่ “สลายการชุมนุม” ยังอาจเกี่ยวข้องกับข้อสงสัยว่า การปฏิบัติงานวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ของตำรวจ คฝ. เป็นไปตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ มาตรา 21-24 ที่ระบุว่า การจะให้เลิกการชุมนุมต้องมีคำสั่งของศาลแพ่งก่อน เนื่องจาก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ถูกเลิกใช้ในพื้นที่ กทม. ไปตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2565 แล้ว
ทั้งนี้ มีคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ของสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 ชุด เข้ามาตรวจสอบเหตุการณ์ดังกล่าว ประกอบด้วย กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน (กมธ.กฎหมาย) และ กมธ.การพัฒนาการเมือง การสื่อสารมวลชน และการมีส่วนร่วมของประชาชน (กมธ.พัฒนาการเมือง)
กมธ.กฎหมาย เคยเชิญตัวแทนตำรวจทั้ง ผบ.ตร., ผบช.น. และผู้การ คฝ. มาชี้แจงถึงการปฏิบัติงานในวันดังกล่าว ในการประชุมวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 แต่ไม่มีใครมาเลย โดยมอบหมายให้ตำรวจจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) จำนวน 3 คน ที่ไม่ได้มีอำนาจสั่งการและไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์มาชี้แจงแทน ประกอบด้วย พ.ต.อ.พิทักษ์ สิทธิกุล รอง ผบก.สายตรวจปฏิบัติการพิเศษ, พ.ต.อ.ธนายุทธ ภูมิงาม ผกก.กลุ่มงานสอบสวนกองบังคับการสืบสวนสอบสวน และ พ.ต.ท.รักษ์ชยุตม์ สายพร้อมญาติ รอง ผกก.ฝ่ายอำนวยการ 3 กองบังคับการอำนวยการ ซึ่งทั้งหมดอ้างว่าอยู่ในคณะกรรมการที่ บช.น. ตั้งขึ้นมาตรวจสอบข้อเท็จจริง
ข้อมูลที่ตำรวจทั้ง 3 นายให้กับ กมธ.กฎหมายบางส่วนถือว่าน่าสนใจ อาทิ
- ปฏิบัติการวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ทำก่อนที่ศาลแพ่งจะอนุมัติคำขอตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ ซึ่งทาง บช.น.ได้ยื่นคำร้องขอให้เลิกการชุมนุมไปจริง แต่เนื่องจากตรงกับวันหยุดพิเศษ ศาลแพ่งจึงนัดพิจารณาวันถัดไป
- มีการอ้างว่า ปฏิบัติการวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 ไม่ใช่การสลายการชุมนุม แต่เป็นการจับกุมผู้กระทำผิดซึ่งหน้า
- มีการเปรยๆ ว่า เหตุที่ตำรวจ คฝ. ทำร้ายสื่อ ทั้งๆ ที่ได้แสดงตัวแล้ว อาจเกิดจากความกดดันในการปฏิบัติงานหรือไม่
- ฯลฯ
เนื่องจากข้อมูลที่ตำรวจจาก บช.น.ทั้ง 3 คนให้ได้ค่อนข้างจำกัด ทาง กมธ.กฎหมายจึงเตรียมเชิญผู้เกี่ยวข้องจริงๆ มาชี้แจง หนึ่งในนั้นก็คือตัว ผบก.อคฝ.
การเรียกร้องให้ตำรวจแสดงความรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองมีความสำคัญมากๆ เพราะไม่เช่นนั้น ต่อให้อยู่ในภาวะปกติ ไม่ได้ใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ก็จะเข้าสลายการชุมนุมสาธารณะซึ่งเป็นสิทธิที่รัฐธรรมนูญให้การรับรองไว้ ด้วยการเลี่ยงไปใช้คำว่า “จับกุมผู้ที่กระทำความผิดซึ่งหน้า“ โดยไม่ต้องขอคำร้องจากศาลแพ่ง ตาม พ.ร.บ.ชุมนุมสาธารณะ
องค์กรตำรวจไทยดีขึ้นกว่านี้ได้ เริ่มต้นจากมีความรับผิดชอบ ทำงานอย่างได้มาตรฐาน และไม่ใช้อำนาจเกินขอบเขต
#Brief #ตำรวจคฝ #ความรับผิดชอบ #ม็อบ18พย #TheMATTER