ระหว่างพูดถึงประสบการณ์ที่เคยแก้หนี้ให้ตำรวจ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะผู้จะทำนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้ครูกล่าวว่า “ครูไม่แตกต่างจากตำรวจที่อยากฆ่าตัวตาย (เพราะมีหนี้สิน) แต่พอดีโชคดีหน่อย คือ ครูไม่มีปืนอยู่ใกล้ตัว เลยไม่ฆ่าตัวตาย”
การแก้ไขปัญหาหนี้ครู เป็นส่วนหนึ่งของของชุดนโยบาย ‘เรียนดี มีความสุข’ ที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน แถลงแนวทางขับเคลื่อนนโยบายต่อที่ประชุมวันนี้ (14 กันยายน) ซึ่งนโยบายชุดนี้มุ่งเน้นลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา พร้อมๆ กับลดภาระนักเรียนและผู้ปกครอง
ในการลดภาระครูและบุคลาการทางการศึกษา มีนโยบายแก้ปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาด้วย ซึ่ง พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวว่า จะต้องเริ่มจากการสร้างความรู้ที่ถูกต้องในการวางแผนการอดออมและการใช้เงินเสียก่อน และให้นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นหลักในการดำรงชีวิต ซึ่งวิธีคิดเหล่านี้จะปลูกฝังในผู้บรรจุใหม่ ส่วนผู้ที่อยู่มาก่อนและมีปัญหาหนี้สินก็จะต้องได้รับข้อมูล และหาทางช่วยแก้ไขปัญหาต่อไป
จากนั้น พล.ต.อ.เพิ่มพูน เล่าว่า สมัยเป็นข้าราชการตำรวจก็เคยจัดการปัญหาหนี้สินในตำรวจ และมีปรัชญาในการเยี่ยมตำรวจว่า “ไม่เบี้ยว ไม่หนี ไม่มี ไม่จ่าย ไม่ตาย” เพราะตำรวจชอบฆ่าตัวตายเมื่อมีหนี้สิน “ผมว่าครูก็ไม่แตกต่างจากตำรวจนะครับที่อยากฆ่าตัวตาย แต่พอดีโชคดีหน่อย คือ ครูไม่มีปืนอยู่ใกล้ตัว ก็เลยไม่ฆ่าตัวตาย อย่างไรก็ตาม ไม่ฆ่าตัวตายก็ดีแล้ว แต่ต้องช่วยกัน” พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าว
อีกวิธีการแก้ปัญหาหนี้สินที่ พล.ต.อ.เพิ่มพูน แนะนำ คือ ให้รวมรถกันเวลาจะไปสอน เปลี่ยนค่านิยมให้อยู่อย่างพอเพียง หรือถ้าจะไปงานแต่ง มีเท่าไหร่ก็ใส่ซองเท่านั้น หรือถ้าไม่มีเงินก็ไปช่วยล้างจานในงานซึ่งก็มีเกียรติได้เช่นกัน
ส่วนแผนการดำเนินการแก้ปัญหาหนี้สินอื่นๆ ของกระทรวงศึกษาธิการ คือ จะแบ่งกลุ่มครูเป็น 3 ประเภทเพื่อจัดลำดับการแก้ปัญหา, จะช่วยเจรจากับเจ้าหนี้เรื่องการผ่อนชำระ, จะพยายามผลักดันการพักดอกเบี้ยให้ครู เป็นต้น
นอกจากการแก้หนี้สิน รมว.ศึกษาธิการเผยว่า จะมุ่งลดภาระครูลแะบุคลากรทางการศึกษาด้วยนโยบายอื่นๆ ด้วย เช่น ปรับวิธีการประเมินวิทยฐานะครูและบุคลากรทางการศึกษา ลดขั้นตอนมุ่งผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน ที่จะปรับลดการทำเอกสาร ลดขั้นตอนการประเมินให้ไม่ซับซ้อน ใช้เทคโนโลยีประเมินครูและบุคลากร, ครูและบุคลากรทางการศึกษาคืนถิ่น ที่จะโยกย้ายครูกลับภูมิลำเนาด้วยความโปร่งใส ไม่ซื้อขายตำแหน่ง และจัดหาอุปกรณ์การสอนและสวัสดิการ (1 ครู 1 Tablet) ซึ่งเป็นนโยบายหลักของพรรคเพื่อไทย
ส่วนนโยบายลดภาระนักเรียนและผู้ปกครองได้แก่
- เรียนได้ทุกที่ ทุกเวลา เรียนฟรีมีงานทำ ยึดผู้เรียนเป็นศูนย์กลาง มีระบบหรือแพลตฟอร์มการเรียนรู้ โดยผู้เรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา (1 นักเรียน 1 Tablet)
- 1 อำเภอ 1 โรงเรียนคุณภาพ
- ระบบแนะแนวการเรียนและเป้าหมายชีวิต
- การจัดทำระบบวัดผลรับรองมาตรฐานวิชาชีพ ผู้เรียนสามารถเรียนเพิ่มเพื่อรับประกาศนียบัตรในการประกอบอาชีพ
- การจัดทำระบบวัดผลเทียบระดับการศึกษาและประเมินผลการศึกษา เพื่อให้ผู้เรียนที่มีความสามารถเป็นเลิศไม่ต้องเสียเวลาในระบบ ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่าย
- มีรายได้ระหว่างเรียน จบแล้วมีงานทำ
ระหว่างการประชุม พล.ต.อ.เพิ่มพูน กล่าวไว้ว่า บุคลากรทางการศึกษาต้องพัฒนาและเรียนรู้ “ผมไม่ตกยุค ผมพูดกับอดีตผู้บังคับบัญชาหลายๆ ท่านว่า ถ้าเราไม่เรียนรู้และไม่เปลี่ยนแปลง เราก็จะเปรียบเสมือนไดโนเสาร์ที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง สูญพันธุ์กับสูญพันธุ์ เพราะฉะนั้นต้องเปลี่ยนแปลง”
อ้างอิงจาก
#ศึกษาธิการ #เพิ่มพูน #รัฐมนตรี #TheMATTER