เหตุการณ์ยิงที่ห้างพารากอนเมื่อวานนี้ (3 ตุลาคม) ยังได้รับความสนใจจากผู้คนในหลายๆ แง่มุม ทั้งความสูญเสียที่เกิดขึ้น แรงจูงใจของผู้ก่อเหตุ และอีกมากมาย แต่สภาพจิตใจของผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ก็เป็นประเด็นที่มีคนหยิบยกขึ้นมาพูดถึงไม่แพ้กัน
ดังนั้น The MATTER จะชวนทุกคนมาดูผลกระทบทางสภาพจิตใจที่มักจะเกิดขึ้นกับผู้คนที่อยู่ในเหตุการณ์ หรือผู้ที่ติดตามข่าวสารเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ เราจะยังเสนอวิธีที่จะช่วยในเรื่องสภาพจิตใจแก่ผู้ที่ได้รับกระทบอีกด้วย
เล่าก่อนว่า ผู้คนเริ่มให้ความสนใจเรื่องกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้คนที่เผชิญกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้อย่างจริงจังเมื่อไม่นานนี้เอง เช่น เฮเทอร์ มาร์ติน (Heather Martin) นักเรียนผู้รอดชีวิตจากเหตุกราดยิงในโรงเรียมัธยมโคลัมไบน์เมื่อปี 1999 ที่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บมากมาย
โดยเธอเล่าว่า เธอแอบอยู่ในห้องเรียนเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง แม้ว่าเธอจะไม่ได้รับบาดเจ็บทางร่างกาย แต่เธอกลับเห็นผลพวงของเหตุกราดยิงในครั้งนี้ ซึ่งเธออธิบายว่า “มันน่ากลัวเกินกว่าที่จะทนไหว”
อย่างไรก็ดี หลังจากมาร์ตินผ่านเหตุการณ์นี้มาได้ แต่เธอไม่ได้ถูกตรวจสอบอย่างจริงจังว่าสุขภาพจิตของเธอเป็นอย่างไรบ้าง “ฉันต้องพยายามลืมเหตุการณ์นั้น และคิดเสมอว่ามีบางคนได้รับผลกระทบเยอะกว่าฉันมาก ดังนั้นเดี๋ยวฉันก็โอเคขึ้น” เธอระบุ
ทว่าตลอดที่ผ่านมา มาร์ตินรู้สึกแย่บ่อยครั้ง และยังฝันร้ายซ้ำๆ มาหลายปี จนในที่สุดเธอก็ลาออกจากวิทยาลัย หลังจากเธอมีอาการผิดปกติด้านการกินอาหารและการใช้สารเสพติด จนกระทั่งครบรอบ 10 ปีของเหตุกราดยิงดังกล่าว เธอถึงจะได้รับความช่วยเหลืออย่างจริงจังจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเพื่อนๆ ที่ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายคลึงกันที่ช่วยให้กำลังใจและคำปรึกษากับเธอ
ทั้งนี้ ผลการศึกษาเกี่ยวกับประเด็นนี้ระบุว่า ผู้รอดชีวิต ครอบครัวของเหยื่อ และผู้ที่อาศัยอยู่ใกล้สถานที่เกิดเหตุ มักจะได้รับผลกระทบทางจิตใจในขั้นที่รุนแรงและยาวนาน เช่น เป็นโรคเครียดหลังพบกับเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD) หรือโรคซึมเศร้า แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้รับการช่วยเหลืออย่างจริงจัง ก็มักจะหันไปใช้สารเสพติดหรือทำร้ายตัวเอง
ไม่เพียงเท่านั้น ผู้ที่เสพสื่อและข่าวอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็สามารถเกิดความเครียดเฉียบพลันได้เช่นกัน เนื่องจากการสำรวจเมื่อปี 2018 โดยสมาคมจิตวิทยาอเมริกันพบว่า 75 เปอร์เซ็นต์ของผู้ที่มีอายุระหว่าง 15-21 ปีต่างกล่าวว่า เหตุยิงหรือกราดยิงถือเป็นสาเหตุสำคัญของความเครียด และผู้ใหญ่ส่วนใหญ่ที่มีอายุตั้งแต่ 22-72 ปีก็ระบุเช่นเดียวกัน
“บางคนอาจรู้สึกว่าโลกไม่ปลอดภัยสำหรับพวกเขาอีกต่อไปแล้ว และคิดว่าไม่มีใครจะช่วยเหลือพวกเขาได้” ซาร่า จอห์นสัน (Sara Johnson) ศาสตราจารย์ด้านกุมารเวชศาสตร์จากคณะแพทยศาสตร์มหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ระบุ
ท้ายที่สุดแล้ว สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุยิงที่ห้างพารากอนควรที่จะพูดคุยและปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพจิตให้เร็วที่สุด เพราะบางครั้งผลกระทบของมันอาจทำให้เรายิ่งรู้สึกแย่ลง และมีปัญหากับการใช้ชีวิตได้ อย่างหลายคนมักเป็นโรค PTSD ที่จะส่งผลกระทบกับการนอนหลับ ทางด้านอารมณ์ เช่น รู้สึกหงุดหงิดหรือตกใจง่าย
อย่างไรก็ดี ขณะนี้ อูก้า (Ooca) แอปฯ ปรึกษาสุขภาพจิตออนไลน์ มีโครงการ ‘อาสาเยียวยาใจฟรี’ สำหรับทุกท่านที่ได้รับผลกระทบหรือประสบกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อปรึกษาและพูดคุยกับทีมจิตแพทย์และนักจิตวิทยาออนไลน์ผ่านทางแอปฯ
สามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่: https://www.facebook.com/oocaok/posts/pfbid0e9jDvJCaVbn4z6T9CfxwaTVqMVk5APTA8HEch6AznPXVjDKtEhsGvS6fembfducbl
อ้างอิงจาก