1. วันที่ 17 ตุลาคม:
ภัคภิญญา ถูกฟ้องจากการแชร์โพสต์ในเฟซบุ๊กและโพสต์ความเห็นประกอบ พนักงานสอบสวนจึงแจ้ง 2 ข้อหา ได้แก่หมิ่นประมาทกษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) โดยเธอให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
ทั้งนี้ ศาลจังหวัดนราธิวาส มีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราว โดยให้วางหลักประกันเป็นเงินสด 150,000 บาท
อย่างไรก็ดี ภัคภิญญา เป็นคนกรุงเทพฯ แต่ถูกแจ้งความที่นราธิวาส ทำให้ต้องเดินทางไปเพื่อต่อสู้คดีไกลถึงสุไหงโกลก โดยต้องเสียค่าเดินทางและค่าที่พัก 6,000 บาท พร้อมกับต้องลางาน 2 วัน
“ไม่มีใครควรเจอกับเรื่องแบบนี้อีก เหมือนเขากลั่นแกล้งเรา กฎหมายข้อนี้มันมีช่องโหว่เยอะมากเลย มันเป็นกฎหมายที่ตีความได้กว้างมาก และมีช่องโหว่ไว้ใช้กลั่นแกล้ง” ภัคภิญญากล่าว
คดีของภัคภิญญาอยู่ในชั้นอุทธรณ์
2. วันที่ 19 ตุลาคม:
สหรัฐ สุขคำหล้า หรืออดีตสามเณรโฟล์ค สมาชิกแนวร่วมราษฎรศาลายาเพื่อประชาธิปไตย ถูกแจ้งความดำเนินคดีมาตรา 112 กรณีร่วมปราศรัยในม็อบ ‘บ๊ายบายไดโนเสาร์’ ที่จัดโดยกลุ่ม ‘นักเรียนเลว’ เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2563 โดยมีเนื้อหากล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯ ที่กล่าวว่าพระมหากษัตริย์เคยตรัสว่าให้เลิกใช้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 รวมทั้งตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับคำกล่าวที่ว่า “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ”
อัยการสั่งฟ้องว่า สหรัฐขึ้นปราศรัยตอนหนึ่ง “…เมื่อคุณได้เข้าไปที่วัด คุณมักจะเห็นการเทศน์ของพระสงฆ์ แต่คุณไม่เคยตั้งคําถามหรือถามพระสงฆ์กลับไปว่า สิ่งที่พระสงฆ์สอนนั้นมันถูกจริงหรือไม่ ทําไมการที่พูดถึงพระราชานั้นจะต้องพูดถึงแค่ด้านดีอย่างเดียว ทําไมเราไม่พูดถึงภัยของพระราชาบ้างครับ…” ซึ่งคำว่าคําว่าพระราชาที่กล่าว ทำให้เข้าใจได้ว่าหมายถึงรัชกาลที่ 10 เป็นบุคคลผู้ทรงน่ากลัว หรือเป็นบุคคลผู้ทรงอันตรายที่จะนําพามาซึ่งความเดือดร้อนแก่ประเทศ
อัยการยังสั่งฟ้อง โดยระบุถึงข้อความตอนหนึ่งว่า “…พล.อ. ประยุทธ์ ได้บอกว่า เนี่ย จะมีการใช้กฎหมายทุกมาตรา แม้กระทั่ง 112 ถ้าคุณพูดแบบนี้ปุ๊บเนี่ย พระมหากษัตริย์จะผิดคําสัญญาหรือคําซื่อสัตย์นะครับ เพราะกษัตริย์ตรัสว่า จะไม่ใช้ 112 กับมวลชน และมันมีที่มาบอกว่า กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคํา ถ้าคุณยังใช้ ม.112 เนี่ย แสดงว่าคุณยังเป็นกษัตริย์อยู่หรือไม่…”
ข้อความดังกล่าวทําให้เข้าใจได้ว่า รัชกาลที่ 10 ตรัสว่าไม่ใช้กฎหมายมาตรา 112 มาดําเนินคดีกับผู้ที่ล่วงละเมิดสถาบัน แต่ภายหลังกลับคําให้ใช้กฎหมายอาญา มาตรา 112 บังคับแก่ประชาชน ทําให้เข้าใจว่ารัชกาลที่ 10 เป็นกษัตริย์ที่ไม่น่าเคารพเชื่อถือ ไม่มีสัจจะวาจา ไม่รักษาคํามั่นสัญญา และทําให้เข้าใจว่ารัชกาลที่ 10 ทรงเข้ามาแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับการบังคับใช้กฎหมายบ้านเมือง
ทั้งนี้ ในขณะที่คดีดำเนิน โฟล์คไม่ถูกคุมขัง แต่ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยที่ทำให้โฟล์คตัดสินใจสึกจากการเป็นสามเณรและทิ้งชีวิตสมณเพศไว้ข้างหลัง
คดีของสหรัฐ อยู่ในชั้นต้น
3. วันที่ 20 ตุลาคม:
กัลยา (นามสมมติ) พนักงานนนทบุรี ถูกฟ้องในข้อหามาตรา 112 และ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากกรณีแสดงความเห็นในเฟซบุ๊ก ซึ่งอัยการมีคำสั่งฟ้องใน 2 ข้อความระบุว่า “ข้อความดังกล่าวประสงค์ให้บุคคลที่เข้ามาอ่าน เข้าใจว่า พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน เป็นคนยังไม่ได้ จะเป็นกษัตริย์ไปทำไม เป็นการดูถูก เหยียดหยาม ด่าทอ สบประมาทพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำหยาบคาย” และยังมการนำเข้าสู่ระบบคอนพิวเตอร์ เป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง
จากกรณีนี้ ทำให้กัลยาต้องเดินทางไกลกว่า 1,000 กม. ไปนราธิวาส เพื่อไปรับทราบข้อกล่าวหา และไปศาลอีกหลายครั้ง จนกว่าคดีจะสิ้นสุด ทั้งนี้กัลยาได้รับการประกันตัวตลอดกระบวนการพิจารณาคดี
คดีของกัลยาอยู่ในชั้นอุทธรณ์
อ้างอิงจาก