วันนี้ (31 ตุลาคม) เป็นเวลา 17 ปี ที่นวมทอง ไพรวัลย์ อดีตพนักงานการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และพนักงานขับรถแท็กซี่ ปลิดชีพตัวเองกับราวสะพานลอยบริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ เพื่อลบคำสบประมาทที่กล่าวว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้” หลังจากที่เขาตั้งใจขับรถแท็กซี่พุ่งชนรถถังประท้วงเผด็จการ ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า
เรื่องราวดังกล่าว เริ่มต้นขึ้นหลังจากการรัฐประหาร 2549 ในช่วงที่มีมวลชนส่วนหนึ่งสนับสนุนการรัฐประหาร ด้วยความเชื่อว่าทหารและกองทัพจะเข้าไปจัดการความวุ่นวายให้กลับมาสงบ แต่ในขณะเดียวกัน ก็เริ่มมีมวลชนที่ออกมาต่อต้านการยึดอำนาจของทหาร ซึ่งนวมทองในฐานะประชาชน ก็เป็นหนึ่งในนั้น
วันที่ 30 กันยายน 2549 นวมทอง ประกาศต่อต้านรัฐประหาร ด้วยการขับรถโตโยต้า โคโรลลา สีม่วง พุ่งชนรถถังของ ม.พัน 4 รอ. ที่บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า แต่ก็ไม่ได้ส้รางรอยขีดข่วนให้กับรถถัง ผิดกับรถยนต์ของนวมทองที่พังยับเยิน และตัวเขาที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส
ช่วงเวลานั้น นวมทอง แทบถูกแปะป้ายให้เป็นชายเสียสติ เพราะความพยายามที่จะสละชีวิตของตัวเองเพื่อยืนยันอุดมการณ์ประชาธิปไตย โดยยังมี พันเอกอัคร ทิพโรจน์ รองโฆษกคณะรัฐประหาร คปค. ที่กล่าวว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”
หลังจากที่นวมทองได้ฟังคำให้สัมภาษณ์ดังกล่าว เขาก็ตัดสินใจปลิดชีพตัวเองด้วยการผูกคอกับราวสะพานลอยบริเวณ ถนนวิภาวดีรังสิต หน้าสำนักงานหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ในวันที่ 31 ตุลาคม 2549 โดยเขายังสวมเสื้อยืดสีดำสกรีนบทกวีของ กุหลาบ สายประดิษฐ์ ความว่า “อันประชา สามัคคี มีจัดตั้ง เป็นพลัง แกร่งกล้า มหาศาล แสนอาวุธ แสนศัตรู หมู่อันธพาล ไม่อาจต้าน แรงมหา ประชาชน”
นวมทองเขียนจดหมายถึงเหตุการณ์ทั้ง 2 ด้วยว่า ‘เหตุพลีชีพ’ ครั้งแรก เขายอมรับว่าคำนวณความเร็วผิดพลาด จึงแค่บาดเจ็บสาหัส ซี่โครงหัก 5 ซี่ ตาซ้ายบวมช้ำคางทะลุถึงภายในช่องปาก
ระหว่างที่นวมทองรักษาตัว มีผู้สื่อข่าวไปขอสัมภาษณ์ว่า ไม่พอใจหรือที่ปฏิรูปแล้วบ้านเมืองสงบสุข ไม่มีการนองเลือด “ผมตอบไปว่าใครทำผิดกฎหมายและก่อความไม่สงบก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย”
อย่างไรก็ดี เมื่อหายป่วยแล้ว นวมทองยังคิดว่าจะกลับมาขับรถแท็กซี่ ไม่ก่อวีรกรรมอีกต่อไป แต่พบข้อความการให้สัมภาษณ์ของรองโฆษก และยังปรามาสว่าเขาแก่แล้ว คงทำด้วยอารมณ์ชั่ววูบ ‘ก็เลยต้องสนองตอบกันหน่อย’ เพราะนิสัยคนไทยฆ่าได้แต่หยามไม่ได้
นวมทองยังระบุถึงเหตุผลที่เขาเลือกวันสุดท้ายของเดือนตุลาคมเป็น ‘วันพลีชีพ’ เพราะเขามองว่า “เดือนนี้เป็นเดือนที่วิญญาณของวีรชนที่สถิตอยู่ที่อนุสรณ์สถานฯ ที่ผมทำการพลีชีพนี้ได้เรียกร้องกระทั่งได้มาซึ่งประชาธิปไตย และวิญญาณของผมก็จะสถิตอยู่กับเหล่าวีรชนแห่งนี้ตลอดไป และขอยืนยันว่าปฏิบัติการทั้งสองครั้งทำด้วยใจ ไม่มีใครจ้าง”
ส่วนที่มีการลงข่าวว่ารวมทองทำไปเพราะเครียด เนื่องจากพบขวดยาในรถ เขาก็ระบุว่าขวดยาที่พบในรถภายหลังเกิดเหตุ คืออาหารเสริมแคปซูลใบแปะก๊วยไม่ใช่ยาแก้เครียดตามที่ลงข่าว “ผมไม่เครียดแต่ประท้วงจอมเผด็จการ”
“สุดท้ายขอให้ลูกๆ และภรรยาจงภูมิใจในตัวพ่อ ไม่ต้องเสียใจ ชาติหน้าเกิดมาคงไม่พบเจอการปฏิวัติอีก ลาก่อน พบกันชาติหน้า” นวมทองระบุ
อ้างอิงจาก