ทำไมคนรุ่นใหม่ในเกาหลีใต้ไม่อยากมีลูก?
อัตราการเกิดใหม่ของเกาหลีใต้ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง นับเป็นเรื่องน่ากังวลอย่างมาก จนทำให้เมื่อวันที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา กระทรวงสาธารณสุขและสวัสดิการ (Ministry of Health and Welfare) ของเกาหลีใต้จัดประชุมระหว่างเจ้าหน้าที่และคู่รัก 6 คู่ที่ไม่ต้องการจะมีลูก เพื่อหาแนวทางสำหรับนโยบายแก้ไขปัญหาดังกล่าว
ประเด็นหนึ่งที่คู่รักยกขึ้นมากล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้พวกเขาไม่อยากมีลูก ก็คือเรื่องการแข่งขันในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ที่สร้างความกดดันให้กับเด็กตั้งแต่อายุยังน้อย รวมถึงการเปรียบเทียบในด้านต่างๆ ที่ทำให้ผู้ปกครองต้องแข่งขันกันอีกด้วย
หนึ่งในผู้เข้าร่วมยังยกตัวอย่างว่าแม้แต่ในงานเลี้ยงวันเกิดครั้งแรกของเด็กๆ ผู้ปกครองยังเปรียบเทียบว่าเด็กคนไหนเริ่มเดินได้ก่อน ซึ่งเขาก็ไม่คิดว่าตัวเองจะสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในการแข่งขันแบบไม่มีที่สิ้นสุดนี้ได้
ผู้เข้าร่วมอีกรายยังกล่าวในทำนองเดียวกันว่า เขารู้จักครอบครัวหนึ่งที่ต้องยอมซื้อรถราคาแพง เพื่อไม่ให้ลูกของเขาต้องอายเพื่อนๆ
นอกจากนี้ ยังมีผู้เข้าร่วมที่กล่าวว่าพวกเขาไม่มีเวลาและไม่มีเงินเพียงพอที่จะเป็นพ่อแม่ที่ดีได้ เพราะแต่ละคนก็มีงานของตัวเองให้ทำจนแทบจะไม่ได้กลับไปกินข้าวที่บ้านด้วยซ้ำ “ฉันไม่คิดว่าฉันจะสามารถดูแลเด็กได้ดี และฉันเกรงว่าเขาหรือเธอจะไม่พอใจฉัน”
เมื่อได้ฟังดังนี้ อีกีอิล รมช.จึงระบุว่าเขารับทราบถึงความยากลำบากของคู่รักในการเลี้ยงดูลูก พร้อมกับให้คำมั่นว่าจะกำหนดนโยบายเพื่อเพิ่มอัตราการเกิดของประเทศ ทั้งยังจะจัดประชุมกับคนที่ยังไม่ได้แต่งงาน และคนที่แต่งงานมีลูกอีกเช่นกัน
อย่างไรก็ดี สาเหตุที่กล่าวไปข้างต้นนั้นก็อาจจะเป็นเพียงส่วนหนึ่ง เพราะนอกจากเรื่องการแข่งขัน การเปรียบเทียบ และการทำงานที่ไม่เอื้อให้คนมีลูกแล้ว หลายสื่อก็ยังเคยนำเสนอเหตุผลในเรื่องอื่นๆ เช่น เรื่องค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูเด็กที่สูง ความไม่เท่าเทียมทางเพศที่เกิดขึ้นในสังคม หรือทัศนคติของสังคมที่คาดหวังให้ผู้หญิงมีหน้าที่ต้องทำงานบ้านพร้อมกับเลี้ยงดูลูกอีกเช่นกัน
ซงดายอง ศาสตราจารย์ด้านสวัสดิการสังคมที่มหาวิทยาลัยแห่งชาติอินชอนยังเคยกล่าวถึงแนวทางการแก้ไขเรื่องอัตราการเกิดว่า รัฐบาลควรมุ่งเน้นไปที่การสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้ปกครองจะสามารถทำงานพร้อมกับดูแลเด็กได้ มากกว่าที่จะไปช่วยในเรื่องของเงินที่ไม่ได้แก้ปัญหาในระยะยาว
รวมไปถึง ซงดายองยังเคยเสนอให้มีนโยบายอย่างการให้ผู้ปกครองสามารถลาเพื่อเลี้ยงลูกได้ ลดเวลาทำงานให้น้อยลง จัดตารางการทำงานให้ยืดหยุ่น รวมไปถึงนโยบายที่จะไม่ทำให้ผู้หญิงต้องถูกบีบให้ออกจากตลาดแรงงานหลังคลอดเพื่อกลายมาเป็น ‘คุณแม่ฟูลไทม์’ อีกด้วย
อ้างอิงจาก