อุณหภูมิพื้นน้ำดินที่ปกคลุมด้วยน้ำแข็งของทวีปแอนตาร์กติกาพุ่งสูงขึ้นเฉลี่ย 10 องศาเซลเซียส เหนือระดับปกติในช่วงเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอุณหภูมินี้สูงชนิดที่เรียกได้ว่าเกือบจะทำลายสถิติคลื่นความร้อน
แม้ว่าอุณหภูมิบริเวณแผ่นน้ำแข็งที่ขั้วโลกจะยังคงต่ำกว่าศูนย์องศาเซลเซียส แต่รายงานระบุว่า บางวันอุณหภูมิก็สูงถึง 28 องศาเซลเซียส ซึ่งมันสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้เสียอีก
โลกได้เผชิญกับอุณหภูมิที่สูงเป็นประวัติการณ์ติดต่อกันนานถึง 12 เดือน โดยอุณหภูมิสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องเกินระดับ 1.5 องศาเซลเซียส เหนือระดับก่อนยุคอุตสาหกรรม ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เลวร้ายที่สุด
ไมเคิล ดุ๊กส์ (Michael Dukes) ผู้อำนวยการฝ่ายพยากรณ์ของ MetDesk กล่าวว่า แม้ว่าอุณหภูมิสูงสุดรายวันจะน่าประหลาดใจ แต่การเพิ่มขึ้นเฉลี่ยตลอดทั้งเดือนนั้นมีความสำคัญมากกว่า
เขาบอกว่า นักวิทยาศาสตร์ด้านภูมิอากาศคาดการณ์มานานแล้วว่าผลกระทบที่สำคัญที่สุดของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดจากมนุษย์จะเกิดขึ้นในบริเวณขั้วโลก ‘และนี่คือตัวอย่างที่ดี’
“โดยปกติแล้ว คุณไม่สามารถมองเห็นแนวโน้มสภาพภูมิอากาศได้ในเดือนเดียว แต่แนวโน้มดังกล่าวจะสอดคล้องกับที่คาดการณ์ไว้ โดยทั่วไปแล้ว ในแอนตาร์กติกาความอบอุ่นในฤดูหนาวและต่อเนื่องไปจนถึงฤดูร้อนอาจทำให้แผ่นน้ำแข็งพังทลายได้” ดุ๊กส์กล่าว
ซีค เฮาส์ฟาเธอร์ (Zeke Hausfather) นักวิจัยจากเบิร์กลีย์เอิร์ธ กล่าวว่า คลื่นความร้อนของแอนตาร์กติกาเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้โลกร้อนขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมาอย่างแน่นอน
คลื่นความร้อนครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ที่พัดถล่มภูมิภาคนี้ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โดยครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อเดือนมีนาคม 2022 ส่งผลให้อุณหภูมิพุ่งสูงขึ้นถึง 39 องศาเซลเซียส และทำให้แผ่นน้ำแข็งขนาดเท่ากรุงโรมพังทลายลง
ดุ๊กส์เล่าว่า อุณหภูมิที่เพิ่มขึ้นของแอนตาร์กติกาในเดือนกรกฎาคมนั้นเป็นผลจากปรากฏการณ์เอลนีโญที่รุนแรงเป็นพิเศษ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ทางสภาพอากาศที่ทำให้โลกร้อนขึ้น และน่าจะเป็นผลจากปรากฏการณ์ดังกล่าวควบคู่กับอุณหภูมิโดยทั่วไปที่สูงขึ้นอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ
อย่างไรก็ตาม นักวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุโดยตรงของคลื่นความร้อนนี้คือกระแสลมที่อ่อนกำลังลง ซึ่งเป็นแถบอากาศเย็นและความกดอากาศต่ำที่หมุนวนรอบๆ ขั้วโลกแต่ละขั้ว การรบกวนจากคลื่นบรรยากาศทำให้กระแสลมอ่อนกำลังลง ส่งผลให้อุณหภูมิที่ระดับความสูงในปีนี้สูงขึ้น
อ้างอิงจาก