“พ่อครับ มันก็แปดปีแล้วนะ”
“ถึงรอน เจ้าหมาบนสวรรค์ แกยังสบายดีอยู่ไหม”
“ถึงตุ๊กตาของฉัน ขอโทษนะที่ฉันทิ้งเธอไป”
แม้จะจากกันไปแล้ว ก็ยังอยากจะส่งจดหมายถึงอยู่ดี…ข้อความข้างบนนี้ คือส่วนหนึ่งของจดหมายใน ‘ที่ทำการไปรษณีย์ร้าง’ ในญี่ปุ่น ที่คนมักจะส่งจดหมายหาคนที่ตายจากไปกัน
บนเกาะห่างไกลของญี่ปุ่นอย่างเกาะอาวาชิมะ ที่มีผู้อยู่อาศัยประมาณ 150 คน มีที่ทำการไปรษณีย์ 2 แห่งบนเกาะแต่มีเพียงแห่งเดียวเท่านั้นที่ส่งจดหมายถึงคนเป็น เพราะอีกแห่งใช้สำหรับส่งจดหมายให้คนตาย สิ่งที่สูญหายไป หรือแม้กระทั่งตัวตนของเราเองในอนาคต
ที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ ไม่ได้เปิดดำเนินการอย่างเป็นทางการมา 30 ปีแล้ว แต่เป็นสถานที่ที่เก็บจดหมายไว้กว่า 60,000 ฉบับที่ส่งมาจากทั่วญี่ปุ่น จ่าหน้าถึงผู้ที่ ‘ไม่มีที่อยู่’ บนโลกใบนี้ หรือก็คือ เพื่อนและสัตว์เลี้ยงที่หายไป คนรักที่เลิกรากัน ตัวตนในอดีตและอนาคต และที่พบบ่อยครั้งที่สุด คือจดหมายถึงคนตาย
ตัวอย่างจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนถึงคนที่ตายไปแล้วมีเนื้อความเรียบง่าย เพียงเล่าถึงความเป็นอยู่ของทุกคนในครอบครัว ราวกับหวังว่าอยากให้ผู้ที่จากไปได้รับรู้ บางฉบับเขียนถึงคนรักที่เลิกรากันที่อีกฝ่ายกำลังจะแต่งงาน บ้างเขียนถึงสุนัขที่อยู่ด้วยกันมาหลายปี บ้างเขียนถึงตุ๊กตาแสนรักในวัยเด็ก ทั้งขอบคุณที่อยู่ข้างๆ และขอโทษที่โยนมันทิ้งไป
ที่แห่งนี้จึงเป็นจุดหมายปลายทางของการแสดงออกถึงความโศกเศร้า ความหวัง และความโหยหาที่ไม่มีที่ไป นำมาซึ่งความโล่งใจชั่วคราวของผู้เขียน เชื่อมโยงระหว่างโลกของคนเป็นกับคนตาย แม้จะปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่ากระดาษแผ่นนั้น ก็จะอยู่ในโลกของเราเท่านั้นก็ตาม
ตั้งแต่อดีตจนถึงถึงช่วงทศวรรษ 1990 เกาะอาวาชิมะ มีท่าเรือที่เจริญรุ่งเรือง และชาวเกาะส่วนใหญ่เป็นลูกเรือที่เดินทางไกล จึงมีที่ทำการไปรษณีย์ซึ่งมีบริการโทรเลข อันเป็นที่เดียวที่ครอบครัวจะสามารถติดต่อสื่อสารกับคนที่ตนรักในทะเลได้
แต่ในปี 1991 เมื่อที่ทำการไปรษณีย์ปิดตัวลง อาคารหลังนี้ก็ถูกทิ้งร้าง และบริเวณนั้นก็มีประชากรลดลงไปตามกาลเวลา
จากนั้น ปี 2013 ศิลปิน ซายะ คุโบตะ (Saya Kubota) ได้ใช้ตึกนี้จัดแสดงนิทรรศการเป็นเวลา 1 เดือน ในงานเทศกาลศิลปะ Setouchi Triennale โดยมีกิจกรรมให้ผู้คนส่งจดหมายมา และเปิดให้มาเขียนและอ่านจดหมายที่นั่นได้ โครงการนี้ดึงดูดผู้เข้าชมมากกว่า 31,000 คน และมีจำนวนจดหมายมากกว่า 400 ฉบับตลอดทั้งเดือน
ตามแผนเดิม หลังนิทรรศการนี้สิ้นสุด อาคารก็จะต้องถูกทุบทิ้งไป แต่ คัตสึฮึสะ นากาตะ (Katsuhisa Nakata) นายไปรษณีย์เกษียณอายุผู้เป็นเจ้าของอาคารต้องการให้โครงการนี้ดำเนินต่อไป เขาจึงเจรจากับศิลปินเพื่อเก็บตึกนี้ไว้ โดยปรับปรุงพื้นที่ใหม่
นากาตะ เป็นชาวเกาะอาวาชิมะ ที่เริ่มทำงานเป็นพนักงานไปรษณีย์ตั้งแต่อายุ 18 ปี เนื่องจากตาบอดสีทำให้เขาไม่สามารถเป็นกะลาสีได้ตามฝันได้ และเขาทำงานที่ไปรษณีย์มาเป็นเวลา 45 ปี รวมถึงดำรงตำแหน่งหัวหน้าไปรษณีย์เป็นเวลา 17 ปี
ปัจจุบัน นากาตะอายุ 90 ปีแล้ว แต่ยังคงดูแลที่ทำการไปรษณีย์ร้าง ซึ่งเปิดทำการทุกวันเสาร์ เมื่อมีจดหมายส่งมา นากาตะจะอ่านจดหมายแต่ละฉบับ เช่นเดียวกันกับนักท่องเที่ยวจากทั่วญี่ปุ่นที่เดินทางมาที่นี่ เพื่อทั้งเขียนและอ่านจดหมายที่ถูกเก็บไว้
หนึ่งในที่มาของการที่คนญี่ปุ่นต่างพากันมาเขียนจดหมายถึงคนตายที่ตายจากไปแล้ว อาจเพราะความเชื่อทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณที่เชื่อมโยงกับศาสนาพุทธและศาสนาชินโต ที่ว่าวิญญาณยังคงอยู่ใกล้ๆ แม้หลังจากความตายก็ตาม
ชาวญี่ปุ่นจำนวนมาก จึงยังคงรักษาความสัมพันธ์กับผู้ที่เสียชีวิตไว้ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เช่น การมีแท่นบูชาในบ้าน เพื่อจุดธูปเทียนและเสิร์ฟอาหารตามโอกาสต่างๆ หรือในช่วงเทศกาลโอบ้ง วันหยุดประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อรำลึกถึงผู้เสียชีวิต ครอบครัวต่างๆ จะมารับประทานอาหารร่วมกัน และใช้เวลาร่วมกับดวงวิญญาณของคนที่ตนรัก
นอกจากที่ทำการไปรษณีย์แห่งนี้ ก็ยังมีสถานที่อื่นๆ ในญี่ปุ่นที่รับจดหมายถึงผู้ที่จากไปเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าสิ่งนี้กำลังกลายเป็นปรากฏการณ์ หลังประเทศเผชิญกับความโศกเศร้าเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
ไปรษณีย์แห่งนี้ได้รับจดหมายวันละ 10 ถึง 20 ฉบับ ส่วนใหญ่ไม่ระบุชื่อและไม่มีที่อยู่ผู้ส่ง และส่วนใหญ่เขียนถึงผู้เสียชีวิต
บ้างเขียนถึงตัวเองตอนยังเด็กที่ถูกกลั่นแกล้ง หรือตัวเองในอนาคตที่(น่าจะ)ประสบความสำเร็จมากกว่า บ้างเขียนถึงสิ่งของต่างๆ ที่เกิดจากความคิดถึงหรือความหวัง เช่น เด็กวัยรุ่นที่โตเกินกว่าจะเล่นของเล่นในวัยเด็กได้ หรือช่างภาพที่ใฝ่ฝันถึงกล้องที่อยากได้ในอนาคต
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา นากาตะสังเกตเห็นนักเขียนซ้ำๆ หลายคน แต่มีอยู่ 2 คนโดยเฉพาะที่ดึงดูดความสนใจของเขา และเขาได้จัดตู้เก็บของไว้สำหรับพวกเขาโดยเฉพาะ
คนหนึ่งเป็นหญิงชราที่คู่หมั้นของเธอซึ่งเป็นนักบินกามิกาเซ่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง เธอส่งจดหมายถึงเขาเป็นเวลาหลายปี และอีกคนหนึ่งคือคุณย่าที่เขียนจดหมายถึงหลานชายที่เสียชีวิตไปแล้วเดือนละ 2 ครั้ง ติดต่อกันเป็นเวลานานหลายปี
แต่ในที่สุดพวกเธอก็หยุดส่งจดหมาย แม้นากาตะจะไม่รู้สาเหตุว่าทำไมอยู่ๆ จึงหยุดส่ง แต่เขาบอกว่าเขาโล่งใจ ที่ในที่สุดพวกเธอก็ได้วางความกังวลเรื่องนี้และปล่อยวางได้แล้ว
อ้างอิงจาก