ย้อนกลับไปช่วงปลายปี 1963 สหรัฐฯ เกิดหนึ่งในเหตุการณ์ลอบสังหารทางการเมือง ที่ร้ายแรงที่สุดในศตวรรษที่ 20 และทำให้ชาวอเมริกันต้องเผชิญกับความสูญเสียประธานาธิบดี จอห์น เอฟ. เคนเนดี ที่ถูกลอบยิงขณะอยู่บนรถ ในเมืองดัลลาส ซึ่งแม้เวลาจะผ่านไปนานหลายสิบปี แต่ชาวอเมริกันก็ยังคงง่วนอยู่กับการตามหาเบาะแสในคดีนี้กันอยู่เรื่อยๆ
ล่าสุด เอกสารจำนวนกว่า 6 ล้านหน้า ภายใต้หัวข้อ ‘บันทึกการลอบสังหาร JFK – เผยแพร่ปี 2025’ ได้ถูกเผยแพร่ออกมาตามคำสั่งของประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์
แน่นอนว่า การวิเคราะห์เอกสารจำนวนมหาศาลเหล่านี้ ยังคงต้องใช้เวลาอีกพักหนึ่ง ถึงจะสรุปถึงข้อมูลทั้งหมดได้ แต่เจฟเฟอร์สัน มอร์ลีย์ นักประวัติศาสตร์ผู้ศึกษาข้อมูลคดีการลอบสังหาร JFK บอกว่า การเปิดเผยครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี และเชื่อว่า มันจะช่วยให้เราเห็นถึงเหตุการณ์สำคัญที่นำไปสู่การลอบสังหารได้
ขณะเดียวกัน มอร์ลีย์ ยังคงสมมติฐานส่วนตัวว่า ข้อมูลชุดใหม่ๆ ที่ถูกเปิดเผยออกมานั้น ยังคงตอกย้ำให้เราเห็นว่า การลอบสังหาร JKF ไม่ได้กระทำโดยมือปืนที่ชื่อ ‘ฮาร์วีย์ ออสวอลด์’ เพียงคนเดียว โดยที่ผ่านมา เขาได้ตั้งข้อสงสัยเกี่ยวการทำหน้าที่ของ CIA ในการเฝ้าระวังการลอบยิงครั้งนี้ รวมถึงการที่ประเทศต่างชาติ เข้ามามีส่วนในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน
ส่วน เฟดริก ลอดจ์วอล นักประวัติศาสตร์จากฮาร์วาร์ด บอกว่า เขากำลังจับตาว่า เอกสารใหม่ชุดนี้จะเปลี่ยนความเข้าใจของเรา ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันลอบสังหารแค่ไหนบ้าง
ด้านฟิลลิป ชีนอน ผู้เขียนหนังสือเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK บอกว่า หลังจากที่เขาได้ตรวจสอบเอกสารไปแล้วพักหนึ่ง ก็พบเจอกับอุปสรรคหลายอย่าง เช่น ข้อมูลชุดใหม่ๆ รวมถึงชื่อเฉพาะต่างๆ ที่เขาไม่เคยรับรู้มาก่อน เขาจึงเชื่อว่า การวิเคราะห์เอกสารเหล่านี้ จำเป็นต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ ถึงจะเชื่อมโยงเรื่องราวต่างๆ ให้ชัดเจนขึ้นได้
ในช่วงที่ผ่านมา ทุกครั้งที่ข้อมูลเกี่ยวกับการลอบสังหาร JFK ถูกเผยแพร่ออกมา ก็มักจะมีทฤษฏีสมคบคิดปรากฏขึ้นเป็นเงาตามตัว
เร็กซ์ แบรดฟอร์ด ประธานมูลนิธิแมรี เฟอร์เรลล์ กล่าวว่า ทุกครั้งที่ข้อมูลใหม่ๆ ถูกเปิดเผย ผู้คนจะค้นพบสิ่งที่น่าสนใจที่มาเติมเต็มเรื่องราวของตัวเอง ซึ่งเรื่องราวการลอบสังหาร JFK แม้จะเป็นการเปิดเผยครั้งแล้วครั้งเล่า เป็นการไขปริศนาทางประวัติศาสตร์ในช่วงที่สงครามเย็นกำลังดำเนินอยู่จนถึงวันนี้
อ้างอิงจาก
nytimes.com