เพราะวัคซีนเป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับสุขภาพ ร่างกาย ไปจนถึงชีวิตคน ข้อมูลใดๆ ที่เกี่ยวข้องจึงต้องระมัดระวังในการเผยแพร่ วันก่อนก็มีดราม่าเรื่องผลการศึกษาที่ใช้ n=2 (กลุ่มตัวอย่างแค่ 2 คน) ไปแล้ว มาวันนี้มีตัวเลขปริศนาอีกชุดมาให้ต้องจับตา
‘618 / 677,348 x 100’ คือชุดตัวเลขที่ว่า โดย 677,348 คือจำนวนบุคลากรการแพทย์ของไทยที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบสองโดสแล้ว ส่วน 618 คือจำนวนบุคลากรการแพทย์ของไทยที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบสองโดส ‘แล้วยังติด COVID-19’ ส่วนที่ x100 เพื่อให้เป็นจำนวนหน่วยร้อยละ หรือเปอร์เซ็นต์นั่นเอง
เมื่อนำตัวเลขทั้ง 2 ชุดมาคำนวณ จะพบว่ายอดบุคลากรทางการแพทย์ของไทยที่ได้รับวัคซีน Sinovac ครบสองโดสแล้วยังติด COVID-19 จะอยู่ที่ 0.091% จึงมีการ ‘ตีขลุม’ ไปว่า ถ้าเช่นนั้นประสิทธิภาพในการป้องกันการติด COVID-19 หลังได้รับวัคซีน Sinovac จะอยู่ที่ 99.908% !
นพ.นภชาญ เอื้อประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาอยุรศาสตร์และคณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ โพสต์ในเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุว่า “การแปลผลข้อมูลทางการแพทย์ใดๆ ต้องแปลผลด้วยความระมัดระวัง และถูกต้อง อย่าใช้อคตินำ” โดยเขาบอกว่า แค่ชุดตัวเลขดังกล่าวยังเอามาคำนวณประสิทธิภาพของวัคซีน Sinovac ไม่ได้ เพราะตัวแปรที่หายไปคือ ‘เวลา’ เนื่องจากจำนวนผู้ฉีดและไม่ได้ฉีดวัคซีน ไม่คงที่ในแต่ละช่วงเวลา
นพ.นภชาญอ้างถึง Hazard ratio ซึ่งเป็นสัดส่วนของ ‘อัตราการผู้ติดเชื้อในบุคลากรทางการแพทย์ที่ฉีดวัคซีน’ ต่อ ‘ อัตราการติดเชื้อของบุคลากรทางการแพทย์ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน’ ต่อ ‘เวลาที่เกิดการติดเชื้อของบุคลากรแต่ละคนในช่วงระยะเวลาการศึกษา’ ที่กำหนด
ขณะที่เพจเฟซบุ๊ก The Researcher สื่อที่รายงานความคืบหน้าในวงการวิทยาศาสตร์ในรูปแบบที่เข้าใจง่ายและสร้างสรรค์ ที่ติดตามและรายงานข้อมูลเกี่ยวกับ COVID-19 ในไทยมาตลอด ก็พูดถึงการอ้างชุดตัวเลขเดียวกันโดยสถานทูตแห่งหนึ่งในต่างประเทศว่า เป็นตัวอย่างของการ ‘โกหกด้วยสถิติ’ นั่นเป็นเพราะนิยามของประสิทธิภาพวัคซีนไม่ได้คำนวณจากร้อยละจำนวนผู้ติดเชื้อต่อจำนวนผู้ได้รับวัคซีน ‘ทั้งหมด’ แต่ประสิทธิภาพวัคซีนหมายถึงผู้ได้รับวัคซีนมีความน่าจะเป็นที่จะติดเชื้อเทียบกับกลุ่มที่ไม่ได้รับวัคซีนเท่าใดต่างหาก
“การนำตัวเลขจำนวนแพทย์ที่ได้รับวัคซีนแล้วติดเชื้อมาคำนวณร้อยละกับจำนวนแพทย์ที่ได้รับวัคซีนทั้งหมดนั้นจึงไม่ได้บ่งบอกถึงประสิทธิภาพวัคซีนเลย ต้องทำการทดลองเทียบกับแพทย์ที่ไม่ได้รับวัคซีนว่ากลุ่มนี้มีความน่าจะเป็นที่จะติดเชื้อเท่าไร หากเท่ากับกลุ่มที่ได้รับวัคซีนครบก็จะแสดงว่าวัคซีนนั้นมีประสิทธิภาพ 0% หากมากกว่ากลุ่มที่ได้รับวัคซีนสองเท่าก็แสดงว่ามีประสิทธิภาพ 50% เป็นต้น” ข้อความจากเพจ The Researcher ระบุ
สำหรับวัคซีน Sinovac ที่ผลิตโดยเทคโนโลยีเชื้อตาย ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักในสังคมไทยระยะเวลาหลังว่า มีประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 ไม่สูงมากนัก (โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา) แม้จะป้องกันการป่วยหนักและการเสียชีวิตได้บ้าง แต่ก็ไม่สูงเท่าวัคซีนที่ผลิตโดยเทคโนโลยี mRNA อย่าง Pfizer และ Moderna ที่สังคมไทยเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เร่งจัดหามาฉีดให้กับคนไทยได้ฉีด แต่จากแผนการจัดหาวัคซีนของ ศบค. เมื่อวันที่ 18 มิ.ย.2564 ซึ่งจะจัดหาวัคซีนมาให้ได้อย่างน้อย 150 ล้านโดสในปี 2565 พบว่าเป็น Sinovac มากถึง 47.5 ล้านโดส หรือกว่า ‘หนึ่งในสาม’
ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ วันที่ 12 ก.ค.2564 ได้ยกเลิกสูตรการให้ Sinovac ทั้ง 2 เข็ม เปลี่ยนไปใช้การสลับวัคซีน เข็มแรก Sinovac เข็มสอง AstraZeneca แทน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกัน COVID-19 สายพันธุ์เดลตา
#Brief #TheMATTER