เป็นที่พูดถึงกันมากใน Twitter สำหรับ แอคเคาท์ “siam สยาม” ที่ได้ทวีตพูดถึงประสบการณ์ถูกพาไปกักตัว หลังเดินทางกลับมาจากอัมสเตอร์ดัม ถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 3 เม.ย. และทำให้เกิดการพูดถึงมาตรการดูแลผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศของภาครัฐ
The MATTER ได้ติดต่อ ‘สยาม’ เจ้าของแอคเคาท์ทวิตเตอร์ดังกล่าว เพื่อพูดคุยเพิ่มเติม
“เพราะว่ากรุงเทพฯ เป็นบ้านของผม พอโรงเรียนปิด ครอบครัวเลยอยากให้กลับมา” สยามพูดถึงสาเหตุที่เดินทางกลับจากอัมสเตอร์ดัมมายังกรุงเทพฯ
.
เขาน่าจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่มาถึงสนามบินสุวรรณภูมิในวันนั้น เขาเผยว่า ได้มาถึงในตอนเช้าของวันนั้น และไม่เห็นกลุ่มที่มาก่อน มีแต่กลุ่มที่มาทีหลัง
เขา เผยด้วยว่า ไม่ได้รับการแจ้งเลยว่าจะมีการพาไปกักตัว ก่อนจะมาถึงสนามบินสุวรรณภูมิ “ขนาดมีตัวแทนจากสถานทูตมาอำนวยการสะดวก (ที่สนามบินอัมสเตอร์ดัม) แต่เค้าไม่ได้บอกใครว่าต้องมากัก”
เมื่อถามว่าตอนนั้นครอบครัวมารอรับเขากลับบ้านหรือยัง เขาตอบว่า แม่ของเขามารอตั้งแต่เครื่องลง
ในไฟล์ Google Docs ความยาว 11 หน้า ที่ชื่อ “Thailand quarantine” สยาม เล่าว่า ได้ถูกพาตัวขึ้นรถไปยังฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นที่กักตัวผู้เดินทางกลับจากต่างประเทศ
โดยเจ้าหน้าที่บอกให้เขานอนในห้องที่มี 2 เตียง อยู่ห่างกัน 1 เมตร โดยให้นอนห้องละ 3 คน ทำให้คนที่ 3 ต้องนอนพื้น และเจ้าหน้าที่ยังห้ามไม่ให้ใครออกจากห้องตลอด 14 วัน
ทั้งนี้เขาจึงเห็นว่ามันมีความเสี่ยงต่อสุขภาพของเขา และเป็น 1 ใน 17 คนที่ปฏิเสธจะพักที่นี่
ต่อมาพวกเขาได้ถูกพาตัวกลับมาที่สนามบินสุวรรณภูมิ และเข้าพักในโรงแรมแห่งหนึ่งที่อยู่ใกล้กับสนามบิน ในห้องแยก 1 คนต่อ 1 ห้อง โดยจะต้องอยู่ที่นั่นเป็นเวลา 14 วัน
สยาม ทิ้งท้ายไว้ว่า อยากจะขอความยุติธรรมให้แก่คนที่โดนกักไว้ในห้องที่ไม่ใช่ห้องเดียวไม่ว่าจะเป็นห้องสองหรือสามคน ไม่มีใครอยากจะโดนกักไว้กับคนแปลกหน้า เพราะไม่สามารถการันตีความปลอดภัยได้ ขอให้รัฐบาลช่วยให้พวกเขาได้กักตัวอยู่ในห้องเดี่ยว
ในวันที่ 3 เม.ย.63 ได้มีกลุ่มคนจากต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งในช่วงเช้า และค่ำ
โดยกลุ่มสายการบินนิวยอร์กที่เดินทางมาถึงในตอนเช้า (กลุ่มของสยาม) ได้ถูกพาไปสถานกักตัว ในขณะที่กลุ่มที่เดินทางมาในช่วงค่ำ กลับถูกปล่อยตัวกลับบ้าน ซึ่งรัฐบาลสั่งให้คนกลุ่มนั้นมารายงานตัวในวันรุ่งขึ้น และตอนนี้มีการรายงานว่าคนกลุ่มนี้มารายงานตัวกันครบแล้ว
#Brief #TheMATTER
