แค่แวบเดียว งานประกาศรางวัลภาพยนตร์ออสการ์ (Oscars) ปี 2025 ก็ผ่านเราไปแบบไวจี๋
ไม่ว่าเราจะเชียร์เรื่องไหน ซัปพอร์ตใครให้ได้รางวัล งานออสการ์ก็คือช่วงเวลาแห่งความน่ายินดีของคนดูหนังและคนทำหนังเสมอ ถึงอย่างนั้น สิ่งที่ขาดไปไม่ได้และคนดูออสการ์ต่างเฝ้ารอ คือเหตุการณ์น่าจดจำและความไม่คาดฝันที่มีให้เห็นกันทุกปี
The MATTER ขอรวมโมเมนต์น่าจดจำของงานออสการ์ในปี 2025 นี้ และปีที่ผ่านๆ มา ให้ทุกคนได้ดูกัน รับรองว่าไม่ย้อนไปออสการ์ปีลึกหลืบสมอง และคงต้องมีสักโมเมนต์ที่เราคุ้นๆ บ้างแหละน่า
1. พลังเสียงมหัศจรรย์แห่งออซ
เหตุการณ์นี้หลายคนต้องจำได้แน่ เพราะเพิ่งผ่านไปหมาดๆ กับการโชว์พลังเสียงที่สะกดผู้เข้าร่วมงานและผู้ชมทางบ้านได้ราวกับร่ายเวทมนตร์ของ ซินเธีย เอริโว (Cynthia Erivo) และ อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) 2 นักแสดงจากเรื่อง Wicked (2024)
ทั้งคู่มาในเพลงเมดเลย์ธีม The Wizard of Oz เปิดเวทีออสการ์ด้วยน้ำเสียงสุดตราตรึงของอารีอานาในเพลง Somewhere Over the Rainbow และส่งต่อไปยังการขับร้องอันกึกก้องของซินเธียในเพลง Home ก่อนจะปิดท้ายด้วยการร้องประสานเสียงร่วมกันในเพลง Defying Gravity
เสียงร้องของทั้งคู่เรียกได้ว่า ทรงพลังขนาดที่ไม่ต้องไปนั่งในฮอลล์ก็ขนลุก ฟังจากยูทูบก็ทำให้แสงออกหูได้เลย
2.จูบที่ไม่พึงปรารถนา
ในปี 2025 เอเดรียน โบรดี (Adrien Brody) กลับมาเยือนเวทีออสการ์อีกครั้งในฐานะผู้คว้ารางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมเป็นครั้งที่ 2 จากภาพยนตร์เรื่อง The Brutalist (2024) ครั้งนี้เขากลับมารับรางวัลอย่างสุขุมและสมศักดิ์ศรี
ทว่าหากย้อนกลับไปในปี 2003 เอเดรียนเคยได้รับรางวัลในสาขาเดียวกันจากภาพยนตร์เรื่อง The Pianist (2002) การขึ้นรับรางวัลครั้งนั้นกลายเป็นเรื่องดราม่าเผ็ดร้อนและถูกคนพูดถึงกันหนาหู ต้นเรื่องก็คือ ไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลกลใด อาจจะด้วยความตื่นเต้นของเอเดรียนเองขณะขึ้นรับรางวัล เขาดึงตัว แฮลลี เบร์รี (Halle Berry) ผู้ประกาศรางวัลเข้ามาจูบโดยที่เธอไม่ทันตั้งตัว เหตุการณ์นี้จึงเป็นที่พูดถึงจนนำไปสู่การจุดประเด็นเรื่องการยินยอม (consent)
เรื่องเซอร์ไพรส์ต่อมาคือ 22 ปี ผ่านไป เอเดรียนกลับมาเจอแฮลลีอีกครั้งในงานออสการ์ปี 2025 และครั้งนี้ก็ถึงทีที่แฮลลีจะเอาคืนเขาบ้าง เธอโผเข้าขโมยจูบเอเดรียนด้วยความเต็มใจในบรรยากาศครึกครื้น ไม่ได้ชวนกระอักกระอ่วนเหมือนครั้งก่อน
3.ฉากตบสะท้านโลก
“เจดา ผมชื่นชมคุณนะ หนังเรื่อง G.I. Jane ภาค 2 น่ะ ผมรอดูแทบไม่ไหวเลย”
หลัง คริส ร็อค (Chris Rock) เล่นมุกแซวบนเวทีไปไม่ทันไร เสียงหัวเราะของผู้เข้าร่วมงานยังไม่ทันหาย วิล สมิท (Will Smith) ก็ลุกจากที่นั่ง เดินไปบนเวทีด้วยท่าทีร้อนใจ และตบหน้าคริสเข้าให้อย่างจัง ก่อนจะกลับไปนั่งประจำที่พร้อมตะโกนว่า “อย่าเอาปากพล่อยๆ ของมึงมาพูดชื่อเมียกู”
ช็อตนี้ในปี 2022 ทำเอาทุกคนช็อก คริสช็อก คนทางบ้านช็อก ทีมงานตัดภาพไม่ทัน แต่โชคดีที่แม้คริสจะโดนตบหน้า แต่เขาก็แก้สถานการณ์ด้วยมุกตลกว่า นี่น่าจะเป็นเหตุการณ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์การถ่ายทอดสดทางทีวีเลยทีเดียว
การตบหน้าครั้งนี้ทำให้ทั้งโลกตกตะลึง ก่อนจะนำไปสู่การถกเถียงอันดุเดือดถึงความเหมาะสมในการเล่นมุกตลก โดยเฉพาะมุกเกี่ยวกับสภาพร่างกาย—เคสนี้คือ เจดา พิงเก็ตต์ สมิธ (Jada Pinkett Smith) ต้องโกนหัวจากโรคผมร่วงเป็นหย่อม ไปจนถึงความเหมาะสมในการแสดงออกของวิล สมิท
4.ล่อนจ้อนบนเวที
ใครมันจะไปแก้ผ้าบนเวทีออสการ์? แค่คิดก็ประหลาด แต่มันดันเกิดขึ้นจริงๆ นี่สิ และคนที่กล้าเดินโป๊เปลือยขึ้นประกาศรางวัลบนเวทีออสการ์ก็คือ จอห์น ซีนา (John Cena) นั่นเอง
ใช่ว่านักมวยปล้ำและนักแสดงชายอย่างจอห์น ซีนา จะจิตวิตถารอะไรหรอก เพียงแต่นี่คือสคริปต์ที่ทีมงานออสการ์ของ จิมมี คิมเมล (Jimmy Kimmel) คิดขึ้นมาเพื่อเรียกเสียงฮาและสร้างสีสันให้กับงาน แน่นอนว่านี่ไม่ใช่การถอดเสื้อผ้าแบบไร้ที่มาที่ไป แต่พวกเขาตั้งใจให้จอห์น ซีนา ล่อนจ้อนขึ้นเวทีเพื่อเป็นการปักหมุดครบรอบ 50 ปี ที่มีชายเปลือยกายวิ่งขึ้นมาบนเวทีออสการ์ในครั้งที่ 46
แถมโมเมนต์ในครั้งนี้ยังเป็นกิมมิคที่เข้ากันได้ดีกับการประกาศรางวัลสาขาออกแบบเครื่องแต่งกายยอดเยี่ยม… เสื้อผ้ามันสำคัญนะรู้มั้ย
5.เมื่อกี้ประกาศผิด!
ความสับสนกลายเป็นความโกลาหลทันที เมื่อทีมงานจากภาพยนตร์เรื่อง La La Land (2016) ที่กำลังขึ้นพูดรับรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม มารู้เอากลางเวทีว่ามีเรื่องผิดพลาดเกิดขึ้น เพราะผู้คว้ารางวัลตัวจริงคือภาพยนตร์เรื่อง Moonlight (2016) ต่างหาก
ปี 2017 นับเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ของประวัติศาสตร์งานออสการ์ จากเหตุการณ์ที่ซองประกาศรางวัลสาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม คือคนละซองกับที่ทีมงานตั้งใจเอาไว้
เคราะห์ดีที่แม้ทีมงาน La La Land จะเสียหน้าแค่ไหน พวกเขาก็ยอมรับความจริงได้ทันควัน แถมยังแก้สถานการณ์ได้ทันทีด้วยการเรียกทีมงาน Moonlight ขึ้นเวทีด้วยสีหน้าจริงจัง และชูกระดาษที่มีชื่อผู้ชนะตัวจริงให้กล้องดู เพื่อเป็นหลักฐานว่า Moonlight ชนะจริงๆ นะ
6.แด่ชายผู้จากไป
ไม่มีอะไรน่าเศร้าไปกว่าการมีรางวัลทรงคุณค่า แต่คนที่สมควรแก่รางวัลกลับจากโลกนี้ไปแล้ว
ช่วงหนึ่งของงานออสการ์ปี 2009 ปกคลุมไปด้วยความหม่นเศร้าและขมขื่น เมื่อทุกคนได้ทราบว่าชายที่ได้รับรางวัลสาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยมคือ ฮีธ เลดเจอร์ (Heath Ledger) นักแสดงที่ส่งมอบการแสดงอันน่าทึ่งในบทบาทโจ๊กเกอร์จากภาพยนตร์เรื่อง The Dark Knight (2008)
ทั้งน่าเจ็บปวด ทั้งน่าเสียดายที่เขาได้จากโลกนี้ไปก่อนในปี 2008 จากการใช้ยาเกินขนาด และไม่มีโอกาสได้ขึ้นรับรางวัลด้วยตัวเอง ภาพในวันนั้นจึงเป็นครอบครัวของฮีธขึ้นรับรางวัลแทน โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความหวานอมขมกลืน
ทุกคนต่างอาลัยให้กับการสูญเสียนักแสดงที่ดีที่สุดคนหนึ่งในวันนั้น
7.เซลฟี่กันหน่อย
เป็นที่รู้กันว่างานออสการ์ค่อนข้างจะคงความดั้งเดิมในรูปแบบการจัดงาน ผู้เข้าร่วมงานมักเป็นบุคคลที่ได้รับการรับเชิญ คนธรรมดาอย่างเราๆ ก็ดูผ่านช่องทางทีวีหรือเคเบิลไปตามเรื่อง
ทว่าในปี 2014 งานออสการ์ได้รุกพื้นที่เข้ามาสร้างกระแสครั้งใหญ่บนโลกออนไลน์ เมื่อ เอลเลน ดีเจนเนอริส (Ellen Lee DeGeneres) ผู้รับหน้าที่พิธีกรได้โพสต์รูปเซลฟี่ครั้งประวัติศาตร์ลงบนทวิตเตอร์ (X ในปัจจุบัน) ในภาพเฟรมเล็กๆ นั้นคับคั่งไปด้วยดารานักแสดงตัวท็อป ทั้ง แบรดลีย์ คูเปอร์ (Bradley Cooper), เจนนิเฟอร์ ลอว์เรนซ์ (Jennifer Lawrence), เมริล สตรีป (Mary Streep), แอนเจลีนา โจลี (Angelina Jolie), และอีกมากมาย
เอเลนทวีตภาพดังกล่าวพร้อมข้อความว่า “ภาพที่เจ๋งที่สุด ถ้าแขนของแบรดลีย์ยาวกว่านี้นะ #oscars” แค่ไม่กี่อึดใจ ชาวเน็ตพร้อมใจกันรีทวีตภาพเซลฟี่จนฮิตติดเทรนด์ในวันนั้น
ทั้งหมดนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งของโมเมนต์น่าจดจำอันมากมายของการประกาศรางวัลออสการ์เท่านั้น
สำหรับงานออสการ์ปีนี้เป็นไปค่อนข้างราบรื่น ซึ่งต้องยกความดีความชอบให้กับทีมงานและพิธีกรอย่าง โคนัน โอไบรอัน (Conan O’Brien) ที่ทำหน้าได้ยอดเยี่ยมตั้งแต่ช่วงเปิดงาน เริ่มด้วยธรรมเนียมการยิงมุกใส่ดาราให้พอแสบๆ คันๆ แต่ไม่ถึงขั้นโกรธ ต่อด้วยการเอ่ยถึงความสูญเสียจากเหตุไฟป่าลอสแอนเจลิส ก่อนจะร้องเพลง I Won’t Waste Time โดยมีหนอนทะเลทรายจาก Dune มาดีดเปียโน และมีเดดพูลรับหน้าที่หางเครื่องโชว์สเต็ปแดนซ์ เพื่อสัญญาว่างานปีนี้ต้องกระชับ ไม่เวิ่นเว้อ ห้ามใครพูดสปีชนานเกิน
แล้วสำหรับคุณล่ะ มีโมเมนต์ออสการ์ครั้งไหนบ้างจำไม่เคยลืม?
อ้างอิงจาก