Finally, we’re back to who we’re meant to be.
จากคนที่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะได้ทำงานด้านอนิเมชั่น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงโอกาสการทำงานกับดิสนีย์ ค่ายสตูโอยักษ์ใหญ่ระดับโลก ทั้งหมดนี้ดูเหมือนเป็นเรื่องที่ไกลเกินฝัน แต่วันนี้ ‘ธิดา—ธีรดา กังวานเกียรติชัย’ กำลังทำสิ่งที่เธอไม่เคยฝันมาก่อนทั้งสองข้อ อย่างการเป็น Layout artist ใน Moana 2 ภาพยนตร์เพลงอนิเมชั่นฟอร์มยักษ์ที่กำลังจะเข้าฉายเร็วๆ นี้
ธิดาเป็นเหมือนเด็กทั่วไปที่เรียนในไทย แม้จะชื่นชอบการวาดรูป แต่ก็ไม่ได้ตั้งเป้าหมายว่าจะต้องทำอาชีพเกี่ยวกับงานสร้างสรรค์ ด้วยความที่ไม่รู้ว่าความชอบในการขีดเขียนจะพาเธอไปได้ไกลแค่ไหน ธิดาจึงเลือกเรียนสิ่งที่สังคมไทยสมัยนั้นเชื่อว่าจะพาเธอไปได้ไกลกว่า นั่นคือ การเรียนวิศวกรรมการจัดการและโลจิสติกส์ จากมหาวิทยาลัยศิลปากร
แต่ถึงอย่างนั้นศิลปะก็ยังเป็นสิ่งที่ธิดาชื่นชอบ เธอตัดสินใจเรียนต่อด้านอนิเมชั่น 3 มิติและวิชวลเอฟเฟ็กต์ Vancouver Film School ที่แคนาดา เมื่อปี 2014 และการตัดสินใจครั้งนั้นเป็นจุดเปลี่ยนนำพาให้เธอได้เจอสิ่งที่ตัวเองรัก อย่างการเป็น Layout artist อาชีพที่ได้ใช้ทั้งความคิดสร้างสรรค์ เทคโนโลยี และการเล่าเรื่อง อย่างที่ธิดาหลงใหลมาตลอด จนถึงกับบอกว่า “มีความสุขที่ได้ตื่นไปทำงานทุกวัน”
ในวันที่ Moana 2 กำลังจะเข้าฉาย The MATTER มีโอกาสได้ต่อสายตรงถึงธิดาที่อยู่ไกลอีกซีกโลก เพื่อพูดคุยถึงเส้นทางการเป็น Layout artist คนไทยในสตูดิโอระดับโลก กับประสบการณ์การทำงานเบื้องหลังภาพยนตร์ Moana 2 รวมไปถึงภาคต่อนี้มีอะไรเซอร์ไพร์สทุกคนบ้าง หาคำตอบได้ในบทความนี้เลย
ฝันที่ไม่เคยฝัน
ในวัยเด็ก ธิดาบอกว่าการเป็นอนิเมเตอร์ไม่เคยอยู่ในความฝันของเธอมาก่อน ด้วยความที่เมืองไทยอาชีพด้านนี้ไม่เป็นที่รู้จักเท่าไหร่นัก แม้เธอจะชื่นชอบวาดรูปมากแค่ไหน ก็ต้องหันไปเลือกเรียนตามที่สังคมบอกว่าดี อย่างการเรียนวิศวกรรมศาสตร์ แต่การได้มาเรียนต่อที่แวนคูเวอร์ เมืองที่โดดเด่นด้านอนิเมชั่นทำให้เธอเริ่มเห็นทางว่าเธอเองก็สามารถนำสิ่งนี้มาเป็นอาชีพได้เช่นกัน
“เราเป็นเด็กที่โตมาชอบวาดรูป ชอบดูหนัง จำได้ว่าสมัยมัธยมจะเก็บเงินซื้อพวกซีดีหนังสะสมไว้เยอะมาก เต็มตู้ที่บ้าน แต่ไม่เคยคาดคิดหรือฝันอยากจะทำงานด้านอนิเมชั่นเลย ไม่เคยรู้จักด้วยว่ามันมีอาชีพแบบนี้อยู่ด้วย เพราะว่าเมืองไทยสมัยนั้น ถ้าไม่เป็นวิศวกร ก็เป็นบัญชี
“แต่พอย้ายมาอยู่ที่แคนาดาก็เหมือนได้เปิดหูเปิดตา ว่าบ้านเมืองเขามีอาชีพที่ทำการ์ตูนเลี้ยงชีพได้เป็นจริงเป็นจังได้เหมือนกัน เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้เราเริ่มทำอาชีพนี้”
หลังจากเรียนจบ เธอมีโอกาสได้ทำงานเป็น Layout artist อยู่ประมาณ 6-7 ปี สำหรับธิดา อาจไม่ถือว่าหน้าใหม่ในวงการนี้เท่าไหร่ เพราะนี่ไม่ใช่การทำภาพยนตร์เรื่องแรกที่เธอได้มีส่วนร่วมในการทำเบื้องหลัง แต่เคยมีผลงานมาแล้วก่อนหน้านี้ อย่าง DC League of Super-Pets ของ Warner Bros. Pictures กับ Leo จาก Netflix
จนกระทั่งดิสนีย์ได้ขยับขยายมาตั้งสตูดิโอสาขาใหม่ในเมืองแวนคูเวอร์ นั่นเลยเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ธิดาตัดสินใจส่งใบสมัครงานโดยไม่คาดหวังว่าเธอจะเป็นหนึ่งในคนที่ถูกเลือก
“ช่วงปี 2023 ทางดิสนีย์ก็มีการวางแผนขยายสตูดิโอด้วยการเปิดโลเคชั่น 2 ที่แวนคูเวอร์ ธิดาก็เลยลองสมัครดูเล่นๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะว่าคิดว่ามันต้องมีคนสมัครเยอะ แล้วก็มีคนเก่งๆ แน่ๆ เลย
แต่พอได้สัมภาษณ์ สุดท้ายเราก็ได้ทำงานที่นี่”
“สภาพสังคมค่อนข้างเพอร์เฟ็กต์” ธิดาเอ่ยถึงความรู้สึกหลังได้มาทำงานที่ดิสนีย์ จากเดิมที่เธอคิดว่าการได้มาทำงานกับสตูดิโอระดับโลกจะทำให้เธอต้องรู้สึกกดดัน เพราะได้เจอเพื่อนร่วมงานที่เก่งระดับท็อป ทำให้ธิดาต้องไล่ตามให้ทันเพราะอาจไม่มีใครคอยช่วยเหลือ แต่หลังจากที่ได้มาทำงานที่นี่จริงๆ ธิดาพบว่าแม้ทุกคนจะเก่งมากๆ แต่ก็คอยช่วยเหลือกันตลอด
“ตอนแรกคิดว่ามันเป็นบริษัทที่ค่อนข้างใหญ่ น่าจะเป็นตัวใครตัวมัน แต่ว่าพอเราได้มาอยู่ตรงนี้จริงๆ ก็รู้สึกว่ามันไม่เหมือนที่คิดเลยนะ ด้วยความที่เพื่อนที่ทำงานทุกคน The Top of The Top แต่ว่าเขามีความ ถ่อมตัว แล้วทุกคนจะช่วยกัน เอาสกิลเซตที่เขาแข็งแรงมาสอน มาแชร์ความรู้กัน เราเลยดีใจมาก”
พอพูดถึงงานหลายคนก็อาจรู้สึกหมดแรงโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับธิดาการได้ทำงานจากสิ่งที่เคยหล่นหายไปในวัยเด็ก กลับช่วยให้เธอมีกำลังใจไปทำงานในทุกๆ วัน
“ธิดารู้สึกว่าทุกคนมีความเป็นเด็กอยู่ในตัว แต่บางทีความเป็นเด็กมันจะจางหายไปกับกาลเวลาที่เราต้องทำงานเป็นผู้ใหญ่ พอเราได้ทำงานมันค่อนข้างที่ได้รักษาความเป็นเด็กไว้ ก็รู้สึกดีใจ แล้วก็มีความสุขที่ตื่นมาทำงานทุกวัน”
Layout Artist, we do it all.
จนถึงตอนนี้หลายคนอาจสงสัยว่า แล้วตำแหน่ง Layout Artist ทำอะไรกันแน่นะ?
แม้จะเป็นชื่อตำแหน่งที่ไม่ค่อยคุ้นหูสำหรับคนทั่วไป แต่ความจริงแล้วตำแหน่งนี้ก็สำคัญไม่แพ้ตำแหน่งอื่นๆ แถมยังได้จับทุกแผนกในการทำหนังอนิเมชั่นด้วย
หน้าที่หลักของตำแหน่งนี้คือการออกแบบมุมกล้อง เพราะการทำอนิเมชั่นคือการสร้างสรรค์ขึ้นใหม่ทั้งหมด ต่างจากการถ่ายภาพยนตร์ปกติ ดังนั้น Layout artist จึงเปรียบเสมือนคนที่คอยถือกล้องให้กับภาพยนตร์เรื่องนี้นั่นเอง
“หน้าที่หลักๆ ของ Layout Artist คือการวางมุมกล้อง ว่าจะถ่ายฉากนี้แบบไหนกับตัวละคร แต่ก็ต้อง animate ตัวละครด้วย นอกจากนี้ส่วนใหญ่เราก็ต้องจัดไฟ ใส่เอฟเฟ็กต์ลงไปในฉาก เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวโดยรวมให้ตรงกับจุดประสงค์เรื่องเล่า (story telling) ของเหตุการณ์นั้น (sequence) เหมือนกับว่าเราได้จับทุกแผนกในการทำหนังอนิเมชั่น ซึ่งถือว่าเป็นเอกลักษณ์มากๆ ของ Layout artist”
นอกจากนี้ธิดายังบอกอีกว่ามุมกล้องยังมีผลต่อการเล่าเรื่องอย่างมาก ซึ่งตำแหน่งนี้มีส่วนเข้ามาทำให้เรื่องเล่ามีน้ำหนัก และทำให้คนดูเข้าใจถึงเรื่องราวที่กำลังสื่อสารออกไปด้วย
“ตากล้องเปรียบเสมือนตัวละครอีกตัวหนึ่ง เพราะว่าคนดูเขาก็จะดูผ่านหน้าจอของเรา เพราะฉะนั้นมุมกล้องก็เหมือนเป็นส่วนหนึ่งของมุมมองของคนดู ที่จะมองทะลุเข้าไปในโลกภาพยนตร์หรือว่าโลกของตัวละคร การถ่ายทอดด้วยเทคนิคต่างๆ ทั้ง Depth of Field, push in/push out หรือ camera move ก็สำคัญ เพราะว่าเป็นการ story telling อย่างหนึ่ง”
พอรู้ความสำคัญของตำแหน่งนี้ไปแล้ว เราอดถามไม่ได้ว่าแล้วคนที่จะเป็น Layout artist ที่ดีต้องมีทักษะอะไรบ้าง ธิดาคิดไม่นานก่อนตอบกลับมาอย่างเรียบง่ายว่า “ต้องเป็นคนชอบถ่ายรูป”
“ธิดาคิดว่าทุกอย่างที่เป็นภาพเคลื่อนไหว มันต้องมีการกำเนิดมาจากภาพนิ่ง การวางคอมโพสิชั่นสวยๆ เหมือนอินสตราแกรมเมอร์สมัยนี้ หรือการวางมุมกล้อง จึงเป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ” นอกจากนี้เธอยังเสริมว่าเฟรมที่ปรากฎบนจอควรต้องมีความหมายด้วย เพราะสามารถสื่อสารออกมาถึงคนดูได้แม้ไม่ต้องมีเรื่องเล่านั่นเอง
การผจญภัยครั้งใหม่ของโมอาน่า
ย้อนกลับไปปี 2016 ที่ภาพยนตร์โมอาน่าภาคแรกเข้าฉาย เรื่องนี้ได้สร้างความประทับใจให้กับแฟนๆ กับบทบาทของโมอาน่า ลูกสาวหัวหน้าเกาะโมทุนุย สาวชาวเกาะผิวแทนรักการผจญภัยโดดเด่นจากเจ้าหญิงเรื่องที่ผ่านมา ตอนนี้เธอขึ้นแท่นกลายเป็นตัวแทนเจ้าหญิงดิสนีย์ที่หลายคนหลงรัก เพราะความกล้าหาญ ความมุ่งมั่นในหน้าที่ และสามารถปกป้องคนอื่นได้ จนเมื่อมีประกาศการกลับมาในภาคสอง ก็ทำให้แฟนๆ อดตั้งตารอไม่ได้ว่าการผจญภัยครั้งใหม่จะมีเรื่องน่าตื่นเต้นอะไรรออยู่บ้าง
จาเรด บุช (Jared Bush) ผู้เขียนบทและเอ็คเซคคูทีฟโปรดิวเซอร์ของ Moana 2 ก็ได้ออกมาเผยว่า แม้จะยังเป็นเรื่องราวการเดินทางบนพื้นน้ำอันกว้างใหญ่ในทะเลโอเชียเนียอันไกลโพ้น และเหล่าลูกเรือสุดน่ารักเหมือนในภาคแรก แต่การกลับมาครั้งนี้เราจะได้เห็นประเด็นการส่งต่ออนาคตไปยังคนรุ่นใหม่ รวมไปถึงการเรื่องราวที่ท้าทายกว่าเดิมด้วย
“ถ้าภาพยนตร์ภาคแรกเป็นเรื่องเกี่ยวกับการเชื่อมต่อกับอดีตของคุณ ภาคนี้จะเป็นเรื่องเกี่ยวกับอนาคตของโมอาน่าและไพร่พลของเธอ” ผู้เขียนบทกล่าว
ไม่ต่างจากคนทำงานเบื้องหลังที่ธิดาบอกว่าการทำงานกับเรื่อง Moana 2 เป็นเรื่องท้าทาย และผลักดันให้เธอได้ทำสิ่งที่เคยเป็นขีดจำกัดของตัวเองเช่นกัน
“การทำงานของ Moana 2 ท้าทายค่ะ แล้วเราสามารถพาตัวเองไปไกลกว่าขีดจำกัดที่ตัวเองทำได้ และด้วยความที่เพื่อนร่วมงานเรามีสายตาที่ช่วยแชร์กัน ก็ยิ่งผลักดันให้เราไปได้ไกลขึ้น
“ก่อนหน้านี้ธิดาไม่เคยทำงานในโปรเจ็กต์ที่มันเกี่ยวกับแคนูหรือน้ำที่เยอะขนาดมาก่อน แต่พอเราได้มาร่วมงานในเรื่อง Moana ค่อนข้างท้าทายมาก เพราะว่าการทำอนิเมชั่นบนผืนน้ำ แล้วในภาคนี้ด้วยมีเกี่ยวกับพายุ มันมีองค์ประกอบหลายๆ อย่างเข้ามาด้วย เรายิ่งต้องทำให้เสมือนจริงที่สุด”
นอกจากเรื่องราวที่เข้มข้นกว่าเดิมแล้ว สิ่งที่ทำให้การทำงานเบื้องหลังท้าทายมากขึ้นยังเป็นระยะเวลาทำงาน กับคุณภาพงานที่ต้องออกมาให้ดีเท่าที่ทำได้ด้วย
“เพราะเราอยากทำภาพยนตร์ออกมาให้ได้ดีที่สุด เลยต้องพิถีพิถัน พยายามหามุมกล้องที่ตอบโจทย์กับเรื่องราวที่อยากจะสื่อ แล้วก็ไม่ดูน่าเบื่อเกินไป เลยกลายเป็นว่า ต้องทำมุมกล้องไว้เป็นตัวเลือกให้เยอะๆ เพื่อที่จะสามารถเลือกสิ่งที่ดีที่สุดออกมาในภาพยนตร์ด้วย” ธิดาอธิบายเพิ่ม
แม้จะมีช่วงที่ท้าทาย และต้องเผชิญกับความยากในขั้นตอนการทำงาน แต่เพราะเป็นงานที่ธิดาได้กลับมาเป็นตัวเองอีกครั้ง จึงทำให้เธอรู้สึกภูมิใจกับผลงานชิ้นนี้มากที่สุดอีกชิ้นหนึ่ง
“การร่วมงานกับ Moana 2 รู้สึกดีใจมาก เพราะเมืองไทยบ้านเราหนังอนิเมชั่นอาจจะไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมาก พอเรากลับบ้านไปเล่าให้เพื่อนๆ หรือครอบครัวฟังว่าทำงานอะไร ก็จะไม่ค่อยจะเข้าใจ แต่คิดว่าพอได้มาทำโมอาน่า กลับบ้านไปทุกคนก็คงจะ “อ๋อ สุดยอดด” เหมือนกับว่าเขาเชื่อมโยงกับเราได้ ภูมิใจที่ได้มายืนถึงจุดนี้”
ธิดาทิ้งท้ายถึงเซอร์ไพร์สในเรื่องว่า แอบมีตัวละครที่เธอตั้งใจถ่ายทอดเป็นพิเศษ นอกจากนี้ยังการันตีจากคนทำงานเบื้องหลังด้วยว่า ถ้าชอบ Moana ภาคแรก Moana ภาค 2 จะสนุกกว่าเดิมแน่นอน เพราะภาคนี้ไม่ได้มีแค่โมอาน่าและมาวอิ แน่ยังมีตัวละครเพิ่มมากขึ้น การผจญภัยที่ท้าทายยิ่งกว่าเดิม และที่พิเศษสุดๆ คือเพลงที่คาดว่าจะฮิตติดหูไปอีกหลายเดือนแน่นอน