ใครๆ ก็รักสติทช์ สัตว์ประหลาดสีฟ้าแสนแสบ ซึ่งถูกสร้างมาให้ทำลายล้าง ไร้หัวใจ แต่สุดท้ายเจ้าตัวแสบนี่แหละเป็นสิ่งมีชีวิตที่แสนจะเป็นที่รัก น่าเห็นใจ และมองหาเหตุผลในการมีชีวิต อย่างการมองเห็นบ้าน-ครอบครัว หรือ Belonging
สิ่งที่เกิดขึ้นกับการกลับมาในเวอร์ชั่นไลฟ์แอ็กชั่น คือปรากฏการณ์น้ำตาท่วมโรงหนัง แน่นอนว่านอกจากจะแก้คำสาปหนังไลฟ์แอ็กชั่นที่มักจะไปไม่ค่อยดีแล้ว พลังในการกลับมาของการ์ตูนวัยเด็กยังกลับทรงพลังขึ้นกว่าเดิม
การกลับมาในครั้งนี้ The MATTER จึงอยากชวนกลับไปสำรวจว่า เรื่องราวความสัมพันธ์ที่เราดูตอนเด็กใน Lilo & Stitch เรื่องเล่าและความสัมพันธ์ที่อันที่จริงก็เรียบง่าย แสบสัน จบสวย แต่ทำไมในความสัมพันธ์และการสร้างครอบครัวในอีกฟากของจักรวาลถึงมีความพิเศษนัก Lilo & Stitch ซ่อนนัยที่ซับซ้อนและสะเทือนความรู้สึกของเราได้มากมายได้อย่างไร หรือมีคำถามที่ก้าวหน้า ซับซ้อนซ่อนอยู่ในฉากหน้าอันสดใส แต่ข้างในกลับร้องไห้โฮ
Alienated เอเลี่ยนของเอเลี่ยน
ข้อสังเกตสำคัญต่อ Lilo & Stitch คือการ์ตูนจากยุค 2000 ซึ่งเป็นอีกเรื่องที่มีความก้าวหน้ามาก และตัวมันเองเราน่าจะนิยามได้ว่าเป็นการผสมผสานระหว่างแนวเรื่องแบบไซไฟกับอนิเมชั่นสำหรับเด็กได้อย่างน่าสนใจ
จากประเด็น Lilo & Stitch ถ้าเรามองทลายลายเส้นไป และมองเห็น ‘ความเป็นดิสนีย์’ ที่มักจะแอบเล่นงานเราไว้ในความน่ารักเสมอตั้งแต่เริ่ม เรื่องราวว่าด้วย ‘เอเลี่ยน’ พูดถึงสิ่งมีชีวิตทรงภูมิที่กำลังไต่สวนเจ้าเอเลี่ยนอีกตัวที่มันถูกสร้างขึ้นและถูกเรียกว่าเจ้าสิ่งมีชีวิต 626 สิ่งมีชีวิตเทียมที่ไม่มีแม้แต่ชื่อ และไม่มีแม้แต่สิทธิที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป
คำถามสำคัญของเรื่องถือว่าแทบจะคำถามปรัชญา คือ สิ่งมีชีวิตที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อการทำลายล้างนี้มีสิทธิที่จะมีชีวิตต่อไปหรือไม่ เป็นคำถามที่ยิ่งใหญ่มากคำถามหนึ่ง เพราะถ้าเราย้อนไปนวนิยายแฟรงเกนสไตน์ (Frankenstein) ที่ถือกันว่าเป็นนวนิยายไซไฟแรกของโลก ก็ถามคำถามหรือแสดงความซับซ้อนแบบเดียวกันว่า จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเราสร้างสิ่งมีชีวิตขึ้น
ในแง่นี้ คำว่า เอเลี่ยน ที่มีความหมาย 2 ลำดับ คือนอกจากจะหมายถึงสิ่งมีชีวิตจากต่างดาวแล้ว ยังหมายถึงการเป็นอื่น ความแปลกแยก คนที่มาจากที่อื่น หรือความไม่เข้าพวก ซึ่งเจ้าสติท์ช์นั้นเป็นเอเลี่ยนที่เป็นอื่นในสังคมของตัวเองอีกที ด้วยตัวมันเองต้องถูกกำจัดออกจากสังคม ถูกเนรเทศ หรือถูกสังหารทำลาย
ยิ่งถ้าเรามองเห็นคำถามมากมายในเรื่องแนวไซไฟ ที่อาจจะใช้ความหลากหลายของโลกจินตนาการและตัวตนอันแปลกประหลาด แต่ในที่สุดคำถามของความเหนือจริงหรือโลกอนาคต มักกลับมาตั้งคำถามว่า ‘อะไรทำให้มนุษย์เป็นมนุษย์’
ในกรณีของสติทช์จึงเป็นการถามว่า เจ้าสิ่งมีชีวิตซึ่งอันที่จริงเปี่ยมสติปัญญา เจ้าเล่ห์ น่ารัก ทนทาน และอาจจะทำลายล้างเก่งนิดหน่อย มีสิทธิที่จะมีชีวิต มีตำแหน่งแห่งที่ มีบ้านเป็นของตัวเองได้หรือไม่ แม้ว่าบ้านนั้นจะอยู่แสนไกลที่อยู่ ณ สุดขอบจักรวาลก็ตาม
แน่นอนว่าเมื่อวินาทีที่มันบอกว่ามันชื่อ ‘สติทช์’ หัวใจของเราก็เหลวเป็นน้ำ และในทางกลับกัน คำว่า สติทช์ ที่หมายถึงการปะเศษเสี้ยวต่างๆ เข้าหากันจนกลายเป็นตัวเป็นตนก็ฟังดูคล้ายตัวตนของเรา ที่หลายครั้งคือการปะความไม่สมบูรณ์แบบให้มันใช้งานได้คล้ายกับภาพครอบครัวที่ถูกเล่าอยู่ในเรื่อง
หรือเราทุกคนก็เป็นสติทช์ที่ต่างตามหาพื้นที่ให้หยั่งราก เติบโต มีเหตุผลให้มีชีวิตและใช้ชีวิตที่ดีต่อไป?

ภาพจาก Disney, Lilo & Stitch | Official Trailer
ไม่ฟูมฟาย แต่รับรู้ถึงความสะเทือน
ความเก่งกาจของดิสนีย์ คือการพูดถึงประเด็นที่แสนจะร้ายกาจและรุนแรง จากคำถามเรื่องการมีชีวิตของสติทช์ เชื่อมโยงถึงปัญหาเรียบง่ายในการรักษาความเป็นครอบครัวเอาไว้ ด้วยแนวคิดเรื่องโอฮาน่าที่อาจไม่ได้พูดถึงครอบครัวสมบูรณ์แบบและสวยงาม
คำเรียบง่ายเช่น แม้ว่าครอบครัวจะแตกสลาย แต่มันก็ยังไปต่อได้ เป็นสิ่งที่ร้าวรานมากที่สุด และเป็นสิ่งที่เมื่อเราโตขึ้นเราจะได้กลับมามองเห็นความพยายามในการทำให้สิ่งอันไม่สมบูรณ์ หรือถูกมองว่าพังไปแล้วให้มันอยู่ด้วยกันและก้าวเดินไปต่อไปเป็นสิ่งที่ยากเย็น และหลายครั้งต้องซุกซ่อนความเจ็บปวดไว้ในฉากหน้าของรอยยิ้ม
ในระดับเรื่อง สิ่งที่นานี พี่สาวของลิโลกำลังเผชิญเป็นเรื่องที่รุนแรงอย่างที่สุด ทั้งการสูญเสียพ่อแม่ไป การกลายเป็นเด็กกำพร้า ความยุ่งเหยิงและความพยายามในการดูแลน้องสาว ไปจนถึงการเข้าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ใหญ่กว่าตัวเองมาก อย่างความขัดแย้งระดับจักรวาล ก็เป็นเรื่องที่ซ่อนอยู่ใต้ฉากหน้าของมุกเล็กๆ น้อยๆ
ด้วยความเข้าใจในระดับเรื่อง และระดับความหมายของเราที่เป็นผู้ใหญ่ ความยากของเหตุการณ์ที่เด็กเหล่านี้กำลังเผชิญ กระทั่งเจ้าสติทช์ที่มีอายุไม่กี่เดือน ทั้งหมดนี้ถูกเล่าในลักษณะที่เรียบเฉย ไม่ฟูมฟาย
บางจังหวะเราจะสัมผัสได้ว่า ถ้าเราเป็นเด็กที่ดูสบายๆ แบบลิโล เราคงเข้มแข็งไม่ได้แบบนี้ หรือการต้องเผชิญชะตากรรมเดียวกับสติทช์ ซึ่งเป็นสิ่งแปลกแยก แตกต่าง และถูกตั้งคำถามจากสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ช่างหนักหนาสำหรับเด็ก สำหรับวัยรุ่น กระทั่งสำหรับเจ้าเอเลี่ยนที่ถูกสร้างขึ้นมาให้แข็งแกร่งเองด้วย ท้ายที่สุดแล้วมันอาจเป็นสิ่งที่เกินจะรับไหว
ทั้งนี้ถ้อยคำง่ายๆ เช่น การถามว่า “สติทช์บอกลาได้ไหม” กระทั่งลิโลเองที่แทบไม่เคยแสดงความโศกเศร้าฟูมฟายเหมือนกับเด็กๆ ออกมาแม้แต่น้อย รวมถึงการเดินไปสวมกอดสติทช์เป็นครั้งสุดท้าย จึงเป็นความสามารถพิเศษของดิสนีย์ที่ทำให้เด็กๆ ที่ดูอาจรู้สึกในระดับเนื้อเรื่อง แต่สำหรับผู้ใหญ่แบบเราแล้ว กลับสัมผัสถึงความร้าวรานที่มากมายกว่านั้นเป็นอย่างยิ่ง
ไม่ว่าจะเป็นการเก็บซ่อนความเจ็บปวด ความสูญเสีย การบอกลาที่ต้องทำภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉย และการรักษาท่าที่สงบนิ่งเอาไว้ ทั้งหมดนี้คือสิ่งที่เจ้าเอเลี่ยนและเด็กหญิงจากครอบครัวที่แตกสลาย กำลังพาเรากลับไปสำรวจความรู้สึกที่เราทุกคนรู้จักมันดี
ดิสนีย์กลับมาเล่นงานเราอีกครั้งด้วยตัวละครที่ใครๆ ก็รัก และพาเรากลับไปสำรวจความเป็นมนุษย์ในห้วงลึกของความทรงจำและความรู้สึกอีกครั้ง ในความเรียบง่ายที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน ในเรื่องราวชวนหัวที่เต็มไปด้วยความรู้สึก
ในการตามหาครอบครัวที่อาจอยู่ในอีกฟากฝั่งของจักรวาล และในการหาเหตุผลของการมีชีวิต
อ้างอิงจาก