วันนี้ (5 กรกฏาคม) ในปี 1946 เป็นวันที่นาย Louis Reard วิศวกรยานยนตร์และนักออกแบบเสื้อผ้า คิดค้น ‘ชุดว่ายน้ำที่จิ๋วกว่าชุดว่ายน้ำที่เล็กที่สุดในโลก’ ขึ้นมาด้วยความลิงโลดคิดถึงชายหาดไร้สงคราม โดยให้ชี่อว่า ‘บิกินี’ ตามชื่อหมู่เกาะปะการังบิกินี สถานที่ที่สหรัฐใช้ทดสอบระเบิดปรมาณู
ฟังจากชื่อ ชุดว่ายน้ำบิกินีก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับภาวะสงครามด้วย ในช่วงปี 1930 สาวๆ และโลกแฟชั่นในยุโรปเริ่มมีการสวมใส่ชุดว่ายน้ำสองชิ้นไปเล่นน้ำอาบแดดกันแล้ว แต่ชุดสองชิ้นยังค่อนข้างปกปิดเรียบร้อย มีเผยหน้าท้องบ้าง แต่ก็ยังปิดบังสะดืออย่างมิดชิด ในสหรัฐชุดว่ายน้ำสองส่วนปรากฏขึ้นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่ออุตสาหกรรมสิ่งทอก็เผชิญกับภาวะขาดแคลน ชุดว่ายน้ำสองชิ้นที่เรียบๆ ใช้ผ้าน้อย ไม่มีกระโปรงระบายจึงเกิดขึ้น ชีวิตชายฝั่งและโลกแฟชั่นของยุโรปก็ชะชักงันลงในภาวะสงคราม
ทีนี้ในปี 1946 หนึ่งปีหลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 ยุติลง นักออกแบบเสื้อผ้าคงจะคิดถึงชายหาดและแสงแดดอันสดใสที่ฝรั่งเศส นาย Jacques Heim และ Louis Reard นักออกแบบเสื้อผ้าสองหน่อจึงออกแบบชุดว่ายน้ำที่เล็กจิ๋ว (และ sexy) ที่สุดของโลกขึ้นมา อันที่จริงนาย Heim เป็นคนที่ออกแบบชุดว่ายน้ำสองชิ้นแล้วโฆษณาว่า ‘เล็กที่สุดในโลก’ ออกมาก่อนเรียกว่า atome มีที่มาจากระเบิดนิวเคลียร์ที่กำลังเป็นกระแสในตอนนั้น (สาวฮอตๆ จะเรียกว่า bombshell หรือ atomic ประมาณว่าสุดฮอตสุดตู้ม) และในทันทีนาย Reard เลยออกแบบชุดที่เล็กกว่านั้นขึ้นมาอีกโดยใช้ผ้าทรงสามเหลี่ยมและเส้นเชือก แล้วบอกว่า เล็กยิ่งว่าชุดว่ายน้ำที่เล็กที่สุด (smaller than the world’s smallest bathing suit) ตั้งชื่อว่า bikini ตามหมู่เกาะที่สหรัฐใช้ทดสอบระเบิดนิวเคลียร์
ในตอนแรกที่ได้ตัวต้นแบบของชุดบิกินีก็ต้องหานางแบบมาใส่ นางแบบในวงการทั้งหลายก็ไม่ยอมรับชุดว่ายน้ำที่ดูโป๊เปลือยเกินไปนี้ ซึ่งคนที่ยอมมาเป็นนางแบบให้คือน้อง Micheline Bernardini นักเต้นแนว sexy แห่ง Casino de Paris ผลคือชุดบิกินีดังเป็นพลุแตก- โดยเฉพาะในหมู่ชายหนุ่ม (ฮันแน่) ตัวนางแบบได้รับจดหมายจากแฟนๆ กว่า 50,000 ฉบับ
การเกิดขึ้นของบิกินี ถือเป็นส่วนเล็กๆ ในความเคลื่อนไหวของผู้หญิง ยุคนั้นเองผู้หญิงยังคงถูกบังคับโดยกฏระบียบของสังคมหลายแห่งเช่นในสเปนและอิตาลีจึงมาแบนชุดบิกินีกันบ้าง จนกระทั่งในช่วงทศวรรษ 1950s ที่ชุดบิกินีเริ่มได้รับความนิยมและใส่กันจนเป็นปกติวิสัยในยุโรป ขณะที่สหรัฐ ดินแดนแห่งความเคร่งครัด (สมัยโน้นรากฐานของคริสต์ศาสนายังมีอิทธิพลสูง) ก็เริ่มปลดแอกและต้อนรับบิกินีในทศวรรษ 1960s จากนั้นภาพของหญิงสาวผู้มั่นใจและหัวสมัยใหม่จึงอยู่คู่กับหาดสำคัญ เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมร่วมสมัย เช่นที่เรามักนึกถึงภาพแดดร้อนๆ หนุ่มสาวฮอตๆ ที่แคลิฟอร์เนียร์
ชุดบิกินีจึงดูเกี่ยวข้องกับการปลดเปลื้องความรู้สึก จากการเผยเนื้อตัวเพื่อความสดใสซาบซ่า มาสู่การค่อยๆ เอาชนะค่านิยมของสังคมที่กำกับผู้หญิงไว้ด้วยความคิดแบบเก่าๆ ผู้หญิงที่ดีคือแต่งตัวมิดชิด กายเผยร่างกายใส่บิกินีถือเป็นเรื่อง win win ที่สาวๆ ได้แสดงสิทธิในเนื้อตัว แสดงความมั่นใจ ส่วนหนุ่มๆ ก็แฮปปี้มีความสุข
อ้างอิงข้อมูลจาก