แอบชอบรุ่นพี่วิศวะมานานหลายปี เข้าไปตั้งกระทู้สารภาพรักในพันทิปแล้วก็ยังไม่ได้ผล ถึงแม้จะรวบรวมความกล้าขอไลน์ไปพูดคุย แต่พอเริ่มสนิทกันหน่อยกลับมาบอกว่า “เป็นพี่น้องกันอย่างนี้ก็ดีแล้วนะ” (คนใจร้าย!) เรื่องราวแสนเศร้าแบบนี้เล่าอีกกี่ทีน้ำตาก็ไหล
แต่ไม่เป็นไร ถึงแม้จะโดนเทจากวิศวกรไทย เราก็กำลังมีตัวเลือกใหม่ๆ เป็นวิศวกรจีนทั้งหนุ่มตี๋และสาวหมวย กำลังจะบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาช่วยเราสร้างรถไฟความเร็วสูงแล้ว ใครว่า ม.44 มีแต่เรื่องไม่ดี ขอเถียงสุดตัว เผลอๆอาจช่วยให้ได้แฟนเอาไปควงแขนประชดรุ่นพี่ที่กล้าปฏิเสธเราด้วยซ้ำ
เพื่อเป็นการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างประเทศ และอาจพัฒนากลายเป็นคนรักได้ในอนาคต วันนี้ The MATTER จึงขอนำเสนอ 6 ประโยคเด็ดมัดใจวิศวกรจีนมาให้ซะเลย
1. ยินดีต้อนรับสู่ประเทศไทย
欢迎你来到泰国
Huānyíng nǐ lái dào tàiguó
ฮวานอิ๋ง หนี่ ไหลเต้า ไท่กั๋ว
ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ คำกล่าวต้อนรับก็คงจะเป็นประตูสู่ความรู้สึกดีๆ หากกลัวว่าจะเคอะเขิน สามารถหยิบเรื่องราวความสัมพันธ์ของทั้ง 2 ประเทศมาพูดคุยกันได้ อย่าอายที่จะชวนเค้าคุยเรื่องประวัติศาสตร์การจิ้มก้องในยุคบรรพบุรุษ หรือนโยบายซื้อขายข้าว ร่วมซ้อมรบ จนถึงเรื่องซื้อเรือดำน้ำ ซื้อรถหุ้มเกราะ ตลอดจนการสร้างรถไฟความเร็วสูงในยุคปัจจุบัน เห็นไหมประเทศของพวกเราก็สนิทสนมกันมานานแล้วนะ ทำไมเรา 2 คนไม่ลองมาคบกันดูบ้างล่ะ
2. มี Boyfriend / Girlfriend แล้วรึยัง
你有男朋友吗?/ 你有女朋友吗?
Nǐ yǒu nán péngyǒu ma? / Nǐ yǒu nǚ péngyǒu ma?
หนี โหย่ว หนานเผิงโหย่ว มะ? / หนี โหย่ว หนี่ว์เผิงโหย่ว มะ?
อาจดูเป็นคำที่ออกตัวแรงไปบ้าง แต่นัยยะที่ซ่อนอยู่ก็สื่อถึงความเป็นห่วงเป็นใยได้ไม่น้อย เพราะวิศวกรจีนมีภารกิจต้องมาช่วยเราสร้างรถไฟนานหลายปี ถ้าโสดๆ อยู่ก็คงมีเหงาใจบ้างเป็นเรื่องธรรมดา ถือเป็นการสานสัมพันธ์ระหว่างบุคคลไปในตัว มิหนำซ้ำ ถ้ารัฐบาลของพวกเรา 2 คนจะมีความร่วมมือใหม่ๆ อีกในอนาคตจะได้ไม่ต้องบินไปบินกลับให้เหนื่อย สู้เป็นแฟนเราแล้วตั้งครอบครัวที่นี่เลยดีกว่า
3. มีอะไรให้ฉันช่วยได้บ้างไหม
我能帮你什么忙吗?
Wǒ néng bāng nǐ shénme máng ma?
หว่อ เหนิง ปัง หนี่ เสินเมอ หมาง มะ?
เป็นการแสดงออกว่า เราพร้อมช่วยเหลือเค้าเสมอ มองกลับมาทางนี้ได้นะถ้าเธอเหนื่อยล้า ประโยคทำนองนี้นอกจากช่วยเรื่องสานสัมพันธ์ระหว่างบุคคลแล้ว จะถือเป็นโอกาสดีที่คนไทยเราจะได้เข้าไปศึกษาโครงการนี้บ้าง แถมยังได้สร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับเทคโนโลยีการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงอีกด้วย ลองนึกภาพดูว่า มันจะเกิดอะไรขึ้น ถ้าการก่อสร้างทั้งหมดไม่มีคนไทยเข้าไปมีส่วนร่วมเลย วันไหนรถไฟมีปัญหาขึ้นมาใครจะช่วยซ่อมให้เราได้ ให้เราพอรู้เรื่องบ้างดีกว่าไม่รู้อะไรเลยเนอะ
4. ไปเที่ยวกับเราป่าว
跟我一起去玩儿吗?
Gēn wǒ yīqǐ qù wán er ma?
เกิน หว่อ อี้ฉี่ ชี่ว์ หวาน มะ?
เพราะการจีบปากเปล่าอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ อาจจะต้องหากิจกรรมเชื่อมความสัมพันธ์กันด้วย โชคดีที่บ้านเรามีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ชวนไปออกเดทตามห้างสรรพสินค้า ดูหนัง ตากแอร์เย็นๆ หรือใครเป็นสายสุขภาพก็ชวนไปออกกำลังกายตามสวนสาธารณะได้ ในกรณีที่อยากให้การออกเดทมีสีสันมากยิ่งขึ้น ยังพาเค้าไปดูแลนด์มาร์คสำคัญของ กทม. อย่างอนุสาวรีย์โฮปเวลล์ย่านหลักสี่ได้ ถือเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ขนส่งมวลชนไทยด้วยเลย และเป็นเครื่องเตือนใจด้วยว่า ไม่มีใครอยากให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย
5. ไม่ได้หลอกกันใช่ไหม?
你没骗我吗?
Nǐ méi piàn wǒ ma?
หนี่ เหมย เพี่ยน หว่อ มะ?
เมื่อความสัมพันธ์พัฒนามาถึงจุดๆ หนึ่ง อาจถึงขั้นที่จำเป็นต้องถามว่า ที่ผ่านมาเค้าจริงจัง ไม่ได้หลอกเราอยู่ใช่ไหม สิ่งที่ทำอยู่มันถูกต้องแน่นะ การยกเว้นกฎหมายไป 7 ฉบับ รวมถึง พ.ร.บ.สถาปนิก และ พ.ร.บ.วิศวกร จะไม่เกิดปัญหาอะไรตามมาจริงๆ เหมือนที่หลายคนเค้าสงสัยใช่ไหม คำถามนี้นอกจากช่วยเพิ่มความอุ่นใจให้กับตัวเราแล้ว ยังสามารถเอาคำตอบไปชี้แจงกับคนที่คัดค้านโครงการนี้ได้อีกด้วย
6. รักกันจริงๆ ใช่ไหม
你真的爱我吗?
Nǐ zhēn de ài wǒ ma?
หนี่ เจิน เตอะ อ้าย หว่อ มะ?
เป็นคำถามเพื่อย้ำว่าเราคิดจริงจังกับเค้านะ ที่เปย์ไปให้ตั้งเยอะแยะ ทั้งค่าข้าว ค่าขนม ค่าเที่ยว ค่ารถไฟ ค่าเรือดำ… (หื้มมม?) สรุปแล้วเค้าคิดกับเรายังไง ทุ่มเทไปขนาดนี้จะบอกว่าเราไม่คาดหวังความรู้สึกดีๆ กลับมาบ้างมันก็คงจะดูแปลกไปหน่อยเนอะ ถ้าได้คำตอบว่ารักเราจริงหวังแต่งงานด้วยอันนี้ก็สบายใจกันไป
แต่ถ้าเค้าบอกว่า คิดกับเราแค่เพื่อนสนิทเอาไว้เผื่อเลือกในเวลาที่ไม่มีใครเนี่ย คงต้องทบทวนเรื่องนี้กันบ้างแล้วล่ะ เพราะอุตส่าห์ให้ใจไปกันเยอะขนาดนั้น แต่เรากลับไม่ใช่ตัวจริงในความสัมพันธ์