“เด็กสมัยชาติพัฒนา จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ”
ท่อนสุดท้ายจากบทเพลงเด็กเอ๋ยเด็กดี ที่สะท้อนข้อเท็จจริงว่า หากเราอยากรู้อนาคตของประเทศว่าจะพัฒนาไปในทิศทางใด ก็ต้องให้ความสำคัญกับเยาวชน เพราะการศึกษาของเยาวชนในวันนี้คือตัวบ่งชี้ทักษะความสามารถของพลเมืองที่เป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า
เมื่อเรากำลังอยู่ในศตวรรษที่ 21 ทุกสิ่งรอบตัวหมุนเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว สังคมโลกเกิดการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การปรับการศึกษาเพื่อให้เกิดการผลิตบุคลากรที่สอดคล้องกับความก้าวหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ แต่ประเทศไทยยังขาดกำลังคนด้านสะเต็ม (STEM workforce) ที่สอดคล้องกับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม เปรียบเสมือนการขาดกุญแจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ
สะเต็ม คืออะไร?
‘สะเต็ม’ (STEM) เป็นคำย่อจากภาษาอังกฤษของศาสตร์ 4 สาขาวิชา ได้แก่ วิทยาศาสตร์ (Science) เทคโนโลยี (Technology) วิศวกรรมศาสตร์ (Engineering) และคณิตศาสตร์ (Mathematics) หมายถึงองค์ความรู้ วิชาการของศาสตร์ทั้งสี่ที่มีความเชื่อมโยงกันในโลกของความเป็นจริงที่ต้องอาศัยองค์ความรู้ต่างๆ มาบูรณาการเข้าด้วยกันในการดำเนินชีวิตและการทำงาน
สะเต็มศึกษา (STEM Education) ช่วยชาติได้อย่างไร?
สะเต็มศึกษา เป็นแนวทางการจัดการเรียนรู้ที่บูรณาการความรู้ใน 4 สหวิทยาการ ทั้ง วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี วิศวกรรมศาสตร์ และ คณิตศาสตร์ โดยไม่ได้มุ่งเน้นเพียงการท่องจำทฤษฎีหรือกฏต่างๆ แต่เป็นการสร้างความเข้าใจในทฤษฎีหรือกฏเหล่านั้นผ่านการปฏิบัติให้เห็นจริง ควบคู่กับการพัฒนาทักษะการคิด ตั้งคำถาม แก้ปัญหา การหาข้อมูลและวิเคราะห์ข้อค้นพบใหม่ๆ พร้อมทั้งสามารถนำข้อค้นพบนั้นไปใช้หรือบูรณาการกับชีวิตประจำวันได้
การผลักดันนโยบายส่งเสริมการศึกษา-วิชาชีพด้านสะเต็ม (STEM) จึงเป็นกุญแจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและนวัตกรรมของประเทศ ด้วยการเล็งเห็นความสำคัญของการผลักดันพัฒนาพลังคนทางด้านนี้ จึงเกิดการจัดทำโครงการ ‘Chevron Enjoy Science: สนุกวิทย์ พลังคิด เพื่ออนาคต’ โดย บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด ในรูปแบบ ‘รัฐร่วมเอกชน’ (Public-Private Partnership) ที่มุ่งพัฒนาสะเต็มศึกษา ภายใต้ระยะเวลา 7 ปี ด้วยงบประมาณกว่า 1,160 ล้านบาท ซึ่งตลอดการดำเนินงานในระยะเวลา 5 ปี ที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จในการร่วมจัดตั้งศูนย์สะเต็มไปแล้วกว่า 12 แห่งทั่วประเทศ มีโรงเรียนเข้าร่วมโครงการทั้งสิ้น 724 แห่ง และยังมีผู้ได้รับประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมรวมกว่า 3 ล้านคน
ในระยะที่ 2 ได้รับความร่วมมือจาก กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม และ ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (SEAMEO STEM-ED) ลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือพัฒนา “สะเต็มศึกษา” ที่ครอบคลุมทั้งในการจัดการเรียนรู้ การพัฒนาทักษะวิชาชีพและการวิจัย เสริมสร้างขีดความสามารถขององค์กรภาครัฐและผู้เกี่ยวข้อง ต่อยอดและสร้างความยั่งยืนให้กับการพัฒนางานด้านสะเต็มศึกษา เพื่อสร้างต้นแบบแนวปฏิบัติที่ดีผลักดันเข้าสู่ระดับนโยบายแก้ปัญหาประเทศระยะยาว และต่อยอดใช้เป็นโมเดลการศึกษาอาเซียนต่อไปในอนาคต
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ดร.กนกวรรณ วิลาวัลย์ กล่าวกับ The MATTER ว่า
“ทุกวันนี้กระแสโลกเปลี่ยนแปลงไป มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่เยาวชนจะได้รับการพัฒนาทักษะ ต่อยอดทางอาชีพ เรียนรู้นวัตกรรมที่จะนำสะเต็มศึกษามาสอดคล้องกับการพัฒนาต่อเนื่องเพื่อความมั่นคงยิ่งขึ้น สะเต็มศึกษาสร้างกระบวนและพัฒนาวิธีคิดอย่างเป็นระบบ เป็นฐานรากแห่งการพัฒนาให้ประเทศเราได้รับการพัฒนาอย่างยั่งยืน”
“เราก็มุ่งหวังว่าจะใช้ความรู้ที่ได้สะสมในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา นำมาปรับปรุงการจัดการเรียนการสอนของคุณครูให้สนุกมากยิ่งขึ้น เพื่อผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนในเชิงนโยบายและเกิดการปฏิบัติจริงทั่วประเทศ นอกจากนี้เราก็ต้องการสนับสนุนให้เกิดการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) สนับสนุนเรื่องของการสร้างงาน ให้จบแล้วมีงานด้าน STEM เพื่อจะตอบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจที่เกิดจาก COVID-19 ในตอนนี้ด้วย” คุณอาทิตย์ กริชพิพรรธ ผู้จัดการใหญ่ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด กล่าว
ความต่อเนื่องคือสิ่งสำคัญต่อการพัฒนาสะเต็มศึกษาให้บรรลุผล ซึ่งที่ผ่านมา โครงการนี้ได้เข้าไปสนับสนุนภารกิจภาครัฐ สร้างพื้นฐานทักษะสะเต็มแก่เยาวชน ส่งเสริมให้เกิดการกระจายโอกาส สร้างความเท่าเทียมระหว่างสถานศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม โดยการดำเนินโครงการฯ ระยะ 2 นี้ ยังให้ความสำคัญกับการ Upskill และ Reskill
เพื่อส่งเสริมวิชาชีพด้านสะเต็มให้เยาวชน ด้วย Career Academies ที่นำโมเดลจากต่างประเทศมาปรับใช้เข้ากับประเทศไทยอีกด้วย ซึ่งสอดรับตามเจตนารมณ์ของเชฟรอนฯ ที่มุ่งให้ความสำคัญกับการพัฒนา ‘พลังคน’ มาโดยตลอด
จุดประสงค์หลักของโครงการนี้คือการมุ่งสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพ สร้างทักษะสำหรับศตวรรษที่ 21 ซึ่งจะเป็นกำลังขับเคลื่อนประเทศในอนาคต กุญแจสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันของประเทศ ช่วยแก้ปัญหาทั้งความเหลื่อมล้ำ ความยากจน และนำพาประเทศสู่ความยั่งยืนในระยะยาว
อ้างอิงข้อมูลจาก
STEM EDUCATION THAILAND
สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน)
บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสํารวจและผลิต จํากัด
ศูนย์ภูมิภาคว่าด้วยสะเต็มศึกษาขององค์การรัฐมนตรีศึกษาแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้