ทุกวันนี้ชีวิตเราสะดวกสบายมากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีและแพลตฟอร์มออนไลน์ที่เข้ามาซัพพอร์ตไลฟ์สไตล์ในหลายๆ ด้าน อย่างโซเชียลมีเดีย ช้อปปิ้งออนไลน์ และบริการเดลิเวอรี่ ทำให้ทุกอย่างรวมอยู่ในหน้าจอสี่เหลี่ยมเล็กๆ ช่วยให้เราทำกิจกรรมต่างๆ ได้แม้อยู่ภายในบ้าน ไม่ต้องออกไปเผชิญแดดแรงๆ รับเอา UVA และ UVB มาทำให้ผิวหมองคล้ำ
คิดว่าปลอดภัยกันแล้วล่ะสิ? แต่อย่าลืมว่าแสงสามารถตามเราไปได้ทุกที่แม้อยู่ในที่ร่ม อีกทั้งแสงจากหลอดไฟและการจ้องหน้าจอติดต่อกันหลายๆ ชั่วโมง ก็ส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นกัน หลายคนคงเคยสงสัยว่า ทั้งๆ ที่เราก็อยู่แต่ในห้อง บ้าน หรือออฟฟิศทั้งวัน แทบไม่ค่อยได้ออกไปเจอแดดข้างนอกเลย แต่ทำไมยังเจอปัญหาผิวคล้ำเสีย ผิวหย่อนคล้อย และจุดด่างดำบนใบหน้าอยู่ นั่นก็เพราะแสงสีฟ้า (Blue Light) ที่มีอยู่รอบตัวเรายังไงล่ะ
แสงสีฟ้า คือ แสงที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า (Visible Light) หรือเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า High Energy Visible Light หรือ HEVIS มีความถี่สูงและความยาวคลื่นสั้น แฝงตัวอยู่ในแสงสีม่วงและสีฟ้าจากแสงอาทิตย์ หน้าจอมือถือ แท็บเล็ต โทรทัศน์ คอมพิวเตอร์ หลอดไฟฟลูออเรสเซนต์ และ LED ซึ่งขณะนี้ ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมความงามต่างก็ได้ออกมาเคลมว่า เจ้ารังสีนี้แหละ ส่งผลกระทบต่อผิวหน้าเราพอๆ กับรังสี UVA และ UVB ที่มาจากแดดเลยล่ะ
หรือพูดง่ายๆ ก็คือ HEVIS เป็นรังสีที่ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกไปรับเอาแสงอาทิตย์จากนอกบ้าน แต่ผิวหน้าเราก็อาจจะพังได้ ด้วยการที่เราแค่นอนไถฟีดเฟซบุ๊ก ส่องอินสตาแกรม หรือดูเน็ตฟลิกซ์อยู่ในบ้าน ได้ยินแบบนี้แล้วแทบอยากโยนมือถือทิ้งไปไกลๆ เลยทีเดียว
หมองคล้ำได้ แม้อยู่ภายในบ้าน
แสงสีฟ้ามีต้นกำเนิดมาจากดวงอาทิตย์เช่นเดียวกับรังสี
รังสี HEVIS น่ากลัวยังไง? อย่างที่รู้ว่า HEVIS มีความยาวคลื่นที่สั้น โดยอยู่ที่ 400-600 นาโนเมตร ทำให้รังสีนี้มีพลังงานที่สูง ฉะนั้นมันจึงเข้าไปทำร้ายถึงผิวชั้นที่ลึกได้ ทำให้สีผิวไม่สม่ำเสมอ มีริ้วรอยก่อนวัย และทำให้ฟังก์ชันการป้องกันรังสีของเราบกพร่อง และยังกระตุ้นให้เกิดฝ้า กระ จุดด่างดำ และความหมองคล้ำ เช่นกันกับ UVA และ UVB
นอกจากนี้ HEVIS ยังทำให้เกิดการก่อตัวของอนุมูลอิสระบนผิวและกระตุ้นการสร้างเอนไซม์ที่มาทำลายการเกิดคอลลาเจน (Collagen) ที่รู้จักกันดีว่าเป็นโปรตีนที่ช่วยให้ผิวแข็งแรง เรียบตึง รวมไปถึงทำลายอีลาสติน (Elastin) ที่ช่วยให้ผิวยืดหยุ่น ส่งผลให้เกิดริ้วรอย ผิวหย่อนคล้อย ซึ่งจะทำให้เราดูแก่กว่าวัย (Photo Aging) และด้วยเหตุที่ HEVIS สามารถทำลายไปถึงชั้นที่ลึกขนาดนี้ ก็จะทำให้ยากต่อการฟื้นฟูให้กลับมากระจ่างใสเหมือนเดิมเช่นกัน
ป้องกันยังไง เมื่ออยู่ในบ้านก็ไม่รอด
เมื่อการหลบแดดมานอนเล่นเฟซบุ๊ก ดูเน็กฟลิกซ์ หรือช้อปปิ้งออนไลน์ในบ้านไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แถมเราก็รู้แล้วว่าตัวการที่ทำให้เกิดรังสี HEVIS มาจากหลอดไฟและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ตรงหน้าได้อีกด้วย วิธีที่จะปกป้องไม่ให้ผิวโดนทำร้ายก็คือ ‘ลดการใช้เวลากับอุปกรณ์’ เหล่านั้นลง อาจจะจำกัดเวลาเล่นโดยการตั้งเวลาแจ้งเตือน เมื่อถึงเวลาที่กำหนด ก็เก็บมือถือแล้วไปทำกิจกรรมอย่างอื่นแทน และหลีกเลี่ยงการใช้มือถือในเวลากลางคืน เนื่องจากการที่แสงไม่พอจะทำให้เราต้องเร่งหน้าจอให้สว่างมากกว่าเดิม หรือถ้าจำเป็นจะต้องใช้จริงๆ อาจจะหาฟิล์มหรือหน้าจอกรองแสงมาติด เพื่อช่วยลดความเข้มของแสงอีกทีก็ได้
ใช้ตัวช่วย ด้วยเกราะป้องกันผิว
ในยุคดิจิทัล การจะตัดขาดจากเทคโนโลยีเห็นจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก ไหนจะติดต่องาน อัปเดตข่าว คุยกับเพื่อน คุยกับแฟน งั้นก็ต้องหาตัวช่วยอื่น อย่าง ‘ครีมกันแดด’ ที่รู้กันดีว่าทำหน้าที่เป็นเกราะปกป้องผิวของเรานั่นเอง
โดยปกติ เรามักจะคิดว่าครีมกันแดดเป็นสิ่งจำเป็นเฉพาะตอนออกไปข้างนอกเท่านั้น แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่ารังสีตามมาถึงในบ้าน ผ่านทะลุกระจก หน้าต่าง และหน้าจอมือถือได้ แสดงว่าการทาครีมกันแดดในที่ร่มก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ซึ่งเดี๋ยวนี้ครีมกันแดดทั่วไปที่เน้นการปกป้องผิวจากรังสี UVA และ UVB คงไม่พอ เพราะมีอีกอย่างหนึ่งที่ผิวเราต้องการ นั่นก็คือ การลดผลกระทบของ HEVIS ที่ตามมา ด้วยเหตุนี้เอง ครีมกันแดดที่ตอบโจทย์ของปัญหานี้ได้ดีที่สุด ก็คือครีมกันแดดที่มี HEVIS Light Defense Technology และ High Potent Antioxidant ที่ช่วยต่อต้านสารอนุมูลอิสระ
มีการทดลองโดยเปรียบเทียบกับครีมกันแดดที่มีแค่ UV Filter กับครีมกันแดดแบบ High Potent Antioxidation แล้ววัดปริมาณของแคโรทีนอยด์ (สารที่ปกป้องผิวจากรังสีต่างๆ) ที่หลงเหลืออยู่ในชั้นผิว ซึ่งถ้าหากไม่มีการป้องกันเลย แคโรทีนอยด์จะสามารถลดลงได้ภายในเวลาเพียง 1 ชั่วโมง ซึ่งผลการทดลองพบว่า ครีมกันแดดที่มี High Potent Antioxidant สามารถลดการเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชัน และช่วยป้องกันการลดลงของแคโรทีนอยด์ได้ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ค้นพบว่ามีคุณสมบัติใกล้เคียงที่สุด ก็คือครีมกันแดด Eucerin Sun Dry Touch ที่ได้รับการพิสูจน์ทางการแพทย์แล้วว่ามีสาร antioxidant ช่วยลดการทำร้ายผิวจากรังสีอันตรายได้ถึง 85%
ทีนี้ก็เห็นความสำคัญของการเปลี่ยนมาเลือกใช้ครีมกันแดดที่ป้องกันรังสี HEVIS กันแล้ว แต่มีอีกอย่างหนึ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน ก็คือวิธีการทาครีมกันแดดที่ถูกต้อง เคยรู้สึกกันมั้ยว่าทาครีมกันแดดแล้วแต่ทำไมผิวยังโดนทำร้ายอยู่ นั่นอาจจะเป็นเพราะ ‘ปริมาณ’ ของครีมที่ใช้ไม่เพียงพอนั่นเอง ซึ่งปริมาณที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำก็คือ 2 ข้อนิ้วมือ สำหรับบริเวณใบหน้าและลำคอ นอกจากนี้ อย่าลืมเลือกใช้สูตรที่เหมาะสมกับสภาพผิวของเรา หาครีมที่เนื้อบางเบา คุมความมัน และไม่เหนียวเนอะหนะจนเกินไป เพื่อไม่ให้อุดตันรูขุมขนของเราด้วยนะ
รู้แบบนี้แล้วก็อย่าชะล่าใจ เพราะแม้จะไม่ได้ก้าวเท้าออกไปไหน แต่รังสีก็ตามมาทำร้ายผิวหน้าและผิวกายเราได้ถึงในบ้านเช่นกัน
อ้างอิงข้อมูลจาก