หลายคนอาจคิดว่า ‘ความยั่งยืน’ คือสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก เพราะต้องอาศัยการลงมือทำทั้งกระบวนการ และระยะเวลาที่ยาวนานกว่าจะไปถึงจุดหมาย
แต่จริงๆ แล้ว ความยั่งยืนคือสิ่งที่ใกล้ตัว และสามารถเริ่มต้นได้ไม่ยากอย่างที่คิด เพียงแค่อาศัยความเข้าใจและลงมือทำอย่างต่อเนื่อง เพราะปัญหา ‘โลกเดือด’ เป็นสิ่งที่รอไม่ได้ จึงต้องอาศัยความร่วมมือจากคน GEN S คนเจนใหม่ หัวใจยั่งยืน ที่หมายถึงคนหลากเจน หลายธุรกิจ หลากอาชีพ และทุกเพศทุกวัย ที่มีส่วนสำคัญในการกู้โลกเดือด
โดยหนึ่งในตัวอย่างสำคัญของการลงมือทำ คือนวัตกรรมและธุรกิจที่ยั่งยืนของ GC ที่นำเสนออยู่ภายในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING ที่เพิ่งจัดขึ้นไปเมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา มาร่วมกันสำรวจความยั่งยืนที่เป็นไปได้และสำเร็จได้ไปด้วยกัน
นวัตกรรมที่ยั่งยืน = เป็นไปได้
ธุรกิจในกลุ่ม GC ได้ดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ มาโดยตลอดหลายปีที่ผ่านมา ผ่านการดำเนินโครงการมากกว่า 200 โครงการ ด้วยการใช้กระบวนการมากมาย โดยเฉพาะการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาปรับใช้ เพื่อมุ่งสู่องค์กรคาร์บอนต่ำอย่างยั่งยืน ซึ่งประกอบไปด้วยกระบวนการดังต่อไปนี้
ยั่งยืน = ลดก๊าซเรือนกระจกในกระบวนการอย่างครบวงจร
GC ได้นำหลัก 5R ในการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมถึงการนำเทคโนโลยีและ Digitalization เข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพโรงงาน เพื่อลดการใช้พลังงานและลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ไม่ว่าจะเป็น Robot Piping หุ่นยนต์ตรวจสอบท่อจากระยะไกล หุ่นยนต์ไร้สายที่ใช้สำหรับวัดความหนาของท่อ สามารถเคลื่อนที่ได้บนท่อเหล็ก ทั้งแนวตั้งและแนวนอน พร้อมทั้งส่งข้อมูลแสดงผลด้วยซอฟต์แวร์ ผ่านระบบ GC Cloud ช่วยประหยัดแรงงานคนในการบำรุงรักษาอุปกรณ์ รวมถึงพลังงานสิ้นเปลืองได้
นอกจากนั้นภายในโรงงานทั้งหมดของ GC มีการใช้พลังงานหมุนเวียนและพลังงานทางเลือกแบบครบวงจร ตั้งแต่ระบบขนส่งที่ใช้รถ EV เพื่อลดการใช้พลังงานสิ้นเปลืองอย่างน้ำมัน และการใช้โซลาร์เซลล์จากพลังงานแสงอาทิตย์ มาเป็นพลังงานหลักในโรงงาน โดยมีการวางระบบ Ecosystem ให้เกิดการใช้พลังงานอย่างคุ้มค่าที่สุด
การใช้ HoloLens 2 นวัตกรรมในการสร้างแบบจำลองโฮโลแกรมสามมิติของอุปกรณ์ต่างๆ ที่ใช้ภายในโรงงาน มีจุดประสงค์เพื่อให้ผู้ดูแลสามารถศึกษาและทำความเข้าใจอุปกรณ์ได้อย่างละเอียด ลดความผิดพลาดในการใช้งาน เพิ่มความปลอดภัยขณะซ่อมบำรุง และช่วยให้ใช้อุปกรณ์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือเพื่อสร้างฐานข้อมูลของอุปกรณ์ทุกชิ้นให้สามารถทำการศึกษาต่อไปในอนาคตได้
ยั่งยืน = การดักจับและการจัดเก็บคาร์บอน
GC ได้ดำเนินการบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือใน กลุ่ม ปตท. ในโครงการศึกษาการดักจับและกักเก็บคาร์บอน (CCS) หรือกระบวนการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ จากภาคการผลิตในภาคอุตสาหกรรมหรือชั้นบรรยากาศเพื่อนำไปกักเก็บภายในชั้นหินใต้ดิน ซึ่งคาร์บอนไดออกไซด์จะเข้าไปอยู่ในรูพรุนใต้ชั้นหินอย่างถาวร โดยมีการตรวจสอบและติดตามผล เพื่อให้มั่นใจได้ว่าไม่มีการรั่วไหลและปลอดภัยในระยะยาว รวมถึงยังมีการร่วมมือกับกลุ่มอุตสาหกรรมหลากหลายบริษัทในภาคตะวันออก เพื่อพัฒนาโครงการ Eastern Thailand CSS Hub ให้เกิดขึ้นต่อไปในอนาคต
ยั่งยืน = ลดคาร์บอนด้วยการปลูกและดูแลป่า
GC ได้ร่วมมือกับภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน ริเริ่มโครงการปลูกและดูแลป่า ในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ด้วยพื้นที่โครงปัจจุบันทั้งหมด กว่า 20,000 ไร่ สู่เป้าหมายพื้นที่โครงการในปี 2030 กว่า 200,000 ไร่ ทั้งการปลูกป่าบก ในพื้นที่จังหวัดกรุงเทพฯ จังหวัดระยอง พื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน การปลูกป่าชายเลน ในพื้นที่จังหวัดระยอง ตราด จันทบุรี เพชรบุรี และกระบี่ รวมไปถึงการทำนาข้าววิถีใหม่อย่างการทำนาแบบเปียกสลับแห้ง ในจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ช่วยลดการใช้น้ำ ลดการใช้ปุ๋ยเคมี ลดมลภาวะต่อสิ่งแวดล้อม และได้คาร์บอนเครดิตอีกด้วย
ยั่งยืน = สร้างธุรกิจใหม่จากไฮโดรเจน
GC ได้ศึกษาการใช้ ‘ไฮโดรเจน’ พลังงานสะอาดแห่งอนาคต เพื่อช่วยลดมลพิษและการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเกิดจากการแยกโมเลกุลของน้ำออกเป็น ไฮโดรเจน และ ออกซิเจน โดยกระบวนการผลิตไฮโดรเจนจำเป็นต้องใช้พลังงานหมุนเวียน หรือที่เรียกว่า ไฮโดรเจนสีเขียว (Green Hydrogen) ที่ไม่สร้างมลพิษต่อสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังศึกษา ‘แอมโมเนีย’ ที่ผลิตจากไฮโดรเจนและไนโตรเจน เพื่อลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ในระบบขนส่งและอุตสาหกรรม
ยั่งยืน = แสวงหาเทคโนโลยีใหม่ช่วยกักเก็บคาร์บอน
GC ศึกษาและจำลองโมเดลเทคโนโลยีการดักจับคาร์บอนไดออกไซด์ในกระบวนการผลิต ของบริษัทที่ GC ลงทุนในรูปแบบ Corporate Venture Capital (CVC) มาปรับใช้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่างๆ เพื่อช่วยให้การกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์มีประสิทธิภาพ ส่งผลดีต่อโลกและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ธุรกิจที่ยั่งยืน = สำเร็จได้
ในภาคของธุรกิจ GC มุ่งการพัฒนาธุรกิจสู่ธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ ผ่านผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน เพื่อรองรับความต้องการของตลาดและสังคมในอนาคต
allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก
คือผู้ผลิตสารเคลือบผิวระดับโลกในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โลก ที่มีความปลอดภัยต่อการใช้งาน ลดการปล่อยของเสียในกระบวนการผลิต จึงเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้น โดยมีผลิตภัณฑ์มากมาย อาทิ
Eco Paint Jet Pro เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดในการพ่นสีอัตโนมัติ ด้วยผลิตภัณฑ์ Coating Resins เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาพ่นไม่ทั่วถึงและลดสีส่วนเกินกระจายนอกชิ้นงาน
EV Battery นวัตกรรมในการพัฒนาโพลิเมอร์สาหรับใช้ในแบตเตอรี่ ช่วยปรับปรุงความหนาแน่นของพลังงาน ลดเวลาในการชาร์จลง และปลอดภัยยิ่งขึ้น ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ช่วยรักษาสิ่งแวดล้อม
UV Composite อีกหนึ่งนวัตกรรมที่เพิ่มประสิทธิภาพของวัสดุที่คงทนมากขึ้น เพื่อใช้ทดแทนวัสดุโลหะแบบเดิม มีคุณสมบัติในการบ่มที่สั้น ใช้พลังงานน้อย น้ำหนักเบา มีอายุการจัดเก็บที่ยาวนาน และปราศจากสารระเหยอินทรีย์ (VOCs)
การผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel หรือ SAF)
GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบด้วยเทคโนโลยีขั้นสูง ทำให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้จาก
การผลิต และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับน้ำมันพืชใช้แล้ว เป็นพลังงานหมุนเวียน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ผ่านกระบวนการกลั่นชีวภาพที่ล้ำสมัย โดยนำมาเป็นวัตถุดิบร่วมกับน้ำมันดิบ เพื่อผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ซึ่งสามารถช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้อย่างมาก เมื่อเทียบกับน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานแบบเดิม โดยผลิตภัณฑ์ได้รับมาตรฐานด้านความยั่งยืนและการลดการปล่อยคาร์บอน ISSC Plus และ ISSC Corsia ซึ่งรับรองว่าผลิตภัณฑ์จากโครงการนี้ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ เรียกว่าเป็นการพลิกโฉมของอุตสาหกรรมการบินที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นต้นแบบของการใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างยั่งยืน หรือ Renewable & Sustainable Energy ที่มีวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์ที่ปล่อยคาร์บอนต่ำ ช่วยลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยมีแผนจะผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568
ผลิตภัณฑ์ไบโอพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพจาก NatureWorks
GC ได้ร่วมมือกับ NatureWorks ผู้นำระดับโลกในการผลิตวัสดุชีวภาพย่อยสลายได้ โดยนำวัตถุดิบหลักจากธรรมชาติทั้งหมดที่ได้ง่ายในประเทศไทยอย่าง อ้อย มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่สลายตัวได้ทางชีวภาพ หรือไบโอพลาสติกที่มีคุณสมบัติหลากหลาย ทั้งกลุ่มผลิตภัณฑ์เส้นใยสำหรับการพิมพ์ 3 มิติ สิ่งทอประเภท nonwovens แคปซูลกาแฟที่ย่อยสลายได้ ถุงชา บรรจุภัณฑ์ที่มีความยืดหยุ่น และบรรจุภัณฑ์อาหารที่ย่อยสลายเองได้ มีคุณสมบัติและราคาที่สามารถแข่งขันกับพลาสติกที่ผลิตจากน้ำมันได้ โดย NatureWorks กำลังขยายโรงงานแห่งใหม่ในจังหวัดนครสวรรค์ พร้อมดำเนินการผลิตอย่างเต็มรูปแบบภายในปี 2568 ตอบสนองตลาดภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและสนับสนุนเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
ทั้งหมดนี้คือ นวัตกรรมและธุรกิจที่ยั่งยืนของ GC ที่เป็นไปได้และสำเร็จได้ พร้อมพิสูจน์ให้ทุกคนเห็นว่า ‘ยั่งยืนไม่ยาก’ และเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้