ในเมืองที่ผู้คนคุ้นชินกับเสียงเครื่องยนต์ มลพิษ และผืนดินที่ค่อยๆ ลดลงให้ตึกสูง พื้นที่สีเขียวได้กลายเป็นสิ่งที่หลายคนโหยหา ทั้งในฐานะพื้นที่พักใจ พื้นที่เติมพลัง และพื้นที่ที่ทำให้รู้สึกว่าเมืองนี้ยังหายใจร่วมกับเราอยู่จริง การมีสวนที่เข้าถึงง่ายและเป็นของสาธารณะจึงไม่ใช่เพียงความสวยงาม แต่คือคุณภาพชีวิตที่จับต้องได้
พื้นที่กว่า 10 ไร่ริมถนนกำแพงเพชร 6 ขนานคลองเปรมประชากร ย่านหลักสี่ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงพื้นที่รกร้าง ได้กลายเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชนอย่าง ปตท. และชุมชนในพื้นที่ ที่ตั้งใจเปลี่ยนพื้นที่ไร้การใช้งานให้กลายเป็นพื้นที่ใหม่ของเมือง สู่พื้นที่สีเขียวที่ทุกคนมีส่วนร่วม
เมื่อสวนได้รับพระราชทานนามว่า ‘เปรมประชาวนารักษ์’ ความหมายของพื้นที่ก็ชัดเจนยิ่งขึ้น สวนแห่งนี้ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่ทำให้เห็นว่าความยั่งยืนสามารถเริ่มต้นจากกิจกรรมใกล้ตัว และสามารถนำความสุขและการเรียนรู้กลับคืนสู่ชุมชนได้สำเร็จ

สวนที่เกิดจากพื้นที่ว่างเปล่า สู่พื้นที่เรียนรู้ร่วมสมัยของคนเมือง
สวนเปรมประชาวนารักษ์ไม่ใช่เพียงพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่ แต่เป็นการฟื้นชีวิตให้พื้นที่ที่เคยถูกทิ้งร้าง โดยได้รับการออกแบบให้ตอบโจทย์ผู้คนหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ครอบครัว คนรักต้นไม้ คนรักสุขภาพ ไปจนถึงคนเมืองรุ่นใหม่ที่มองหาพื้นที่เชิงไลฟ์สไตล์ที่เข้าถึงง่าย ภายในสวนมีทั้งพื้นที่พักผ่อน พื้นที่ออกกำลังกาย และพื้นที่เรียนรู้ธรรมชาติผ่านต้นไม้หลากหลายชนิด ทำให้สวนกลายเป็นพื้นที่ที่เชื่อมโยงทั้งการพักกายและเปิดมุมมองทางสิ่งแวดล้อมให้ผู้คนได้ในเวลาเดียวกัน

ด้วยความหมายของชื่อ ‘เปรมประชาวนารักษ์’ ที่หมายถึงสวนที่นำความสุขและความเบิกบานใจมาสู่ประชาชนโดยได้รับการดูแลด้วยความรัก พื้นที่แห่งนี้จึงทำหน้าที่เป็นพื้นที่สีเขียวที่มีทั้งความงาม ความรู้ และความตั้งใจที่จะเป็นพื้นที่ของชุมชนอย่างแท้จริง และเป็นตัวอย่างว่าพื้นที่สีเขียวในเมืองใหญ่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงให้คุณภาพชีวิตผู้คนได้มากกว่าที่คิด

เปิดประสบการณ์ในอาคารนิทรรศการ ‘ชลวิถีธีรพัฒน์’ ที่เชื่อมโยงน้ำ ธรรมชาติ และชีวิตผู้คน
หนึ่งในไฮไลต์สำคัญของสวนคืออาคารนิทรรศการ ‘ชลวิถีธีรพัฒน์’ พื้นที่ที่นำเสนอพระราชดำริด้านการพัฒนาแหล่งน้ำและแนวคิดการบริหารจัดการทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน โดยมุ่งให้ผู้เข้าชมเข้าใจว่าปัญหาสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรน้ำไม่ใช่เรื่องไกลตัว แต่เป็นเรื่องที่สัมพันธ์กับชีวิตประจำวันของทุกคน

ภายในนิทรรศการแบ่งออกเป็น 3 ห้อง แต่ละห้องมีบทบาทของตัวเองในการพาผู้ชมเรียนรู้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ห้องแรกว่าด้วยวัฏจักรน้ำที่หล่อเลี้ยงมนุษยชาติและตั้งคำถามเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากร ห้องถัดมานำเสนอการพัฒนาแหล่งน้ำด้วยศาสตร์หลากหลายเพื่อบรรเทาความทุกข์ของประชาชน และห้องสุดท้าย แสดงให้เห็นผลลัพธ์จริงของโครงการพัฒนาแหล่งน้ำและคูคลองที่เกิดจากพระบรมราโชบายของในหลวงรัชกาลที่ 10

นิทรรศการนี้ทำให้ผู้ชมเห็นภาพความยั่งยืน อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น ผ่านการเล่าเรื่องที่เชื่อมโยงกับชีวิตผู้คนและการพัฒนาเมือง ทั้งยังเหมาะกับทุกช่วงวัย ตั้งแต่เด็ก ผู้ใหญ่ ไปจนถึงกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนใจเรื่องสิ่งแวดล้อมและอนาคตของเมือง

แลนด์มาร์กสีเขียวที่อยากให้กลับมาซ้ำ ด้วยกิจกรรมและการเดินทางที่เข้าถึงง่าย
สวนเปรมประชาวนารักษ์ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่ที่อยากให้ผู้คนกลับมาซ้ำ เพราะกิจกรรมภายในสวนจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกเดือน ทำให้ไม่ว่าจะมาเป็นครั้งแรกหรือครั้งไหนๆ ก็จะมีประสบการณ์ใหม่รออยู่เสมอ ตั้งแต่กิจกรรมปลูกต้นไม้ เวิร์กช้อปเรียนรู้ธรรมชาติ การละเล่นแบบไทยๆ ไปจนถึงคลาสออกกำลังกายกลางแจ้งที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองยุคใหม่

ด้านการเดินทาง สวนตั้งอยู่ใกล้ทั้งถนนวิภาวดีรังสิตและสถานีรถไฟฟ้าสายสีแดง ทุ่งสองห้อง ทำให้ผู้ใช้รถและผู้ใช้ระบบรางสามารถเดินทางมาถึงได้ง่าย นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อเส้นทางสัญจรสำคัญของกรุงเทพฯ จนทำให้สวนกลายเป็นแลนด์มาร์กใหม่ของเมืองที่เข้าถึงง่ายกว่าสวนอื่นๆ ในกรุงเทพฯ

สิ่งที่ทำให้สวนเปรมประชาวนารักษ์โดดเด่นที่สุด คือการเป็นพื้นที่สีเขียวที่ไม่ได้ทำหน้าที่เพียงเป็นสวนสาธารณะ แต่เป็นพื้นที่ที่สร้างความเข้าใจเรื่องสิ่งแวดล้อม ความยั่งยืน และความสัมพันธ์ระหว่างคนกับธรรมชาติ ผ่านประสบการณ์ตรงของผู้มาเยือน และยังเป็นพื้นที่ที่ช่วยฟื้นฟูความรู้สึกของคนเมือง ว่าระหว่างตึกสูงและความเร่งรีบ เรายังมีพื้นที่ร่วมกันที่สามารถหายใจได้อย่างสบายใจ
สวนเปรมประชาวนารักษ์เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 05.00–20.00 น. ส่วนอาคารนิทรรศการชลวิถีธีรพัฒน์เปิดให้เข้าชมทุกวันอังคารถึงอาทิตย์ เวลา 09.00–16.30 น. ผู้สนใจสามารถติดตามข่าวสารและกิจกรรมประจำเดือนได้ผ่าน Facebook, Instagram, TikTok และ Line Official: สวนเปรมประชาวนารักษ์ – Premprachavanarak