ผ่านไปแล้วเกินกว่าครึ่งทางของปี 2020 ผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้เปลี่ยนแปลงการใช้ชีวิตของเราไปอย่างสิ้นเชิง
ไม่เพียงแต่มีหน้ากากอนามัยหรือเจลแอลกอฮอลล์เป็นของสำคัญที่ขาดไม่ได้แล้ว พฤติกรรมของเราก็ต้องเปลี่ยนไปด้วย ชัดเจนที่สุดคงจะหนีไม่พ้นการลดสัมผัส ทำให้การใช้ชีวิตจากที่เคยต้องเจอหน้ากันต้องย้ายไปอยู่ในโลกออนไลน์มากขึ้น
โดยเฉพาะการจับจ่ายซื้อสินค้าหรือบริการต่างๆ ซึ่งก่อนหน้านี้เรื่องของ Cashless Society หรือ “สังคมไร้เงินสด” ที่การชำระเงินทำผ่านช่องทางดิจิทัลเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นผ่านบัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต ซึ่งหลายๆ ธนาคารได้มีการปูทางมาสักระยะหนึ่งแล้ว ยิ่งเกิดวิกฤตแบบนี้ก็ยิ่งทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นไปอีก จากผลสำรวจของวีซ่าผู้นำการให้บริการการชำระเงินดิจิทัลระดับโลก แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคชาวไทยจำนวนมากได้เริ่มซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์เป็นครั้งแรกหลังโควิด-19 โดยสองในสามจากผู้ทำแบบสำรวจระบุว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้นในอนาคตและตั้งใจว่าจะใช้ช่องทางดิจิทัลเป็นช่องทางหลักแทนเงินสดอีกด้วย แต่ขณะเดียวกันเรื่องของความปลอดภัยในการใช้ก็ยังเป็นสิ่งที่หลายคนกังวลอยู่
ธนาคารกสิกรไทยและวีซ่าจึงได้จับมือกัน เพื่อนำเสนอโซลูชั่นใหม่ๆ ในการเสริมความปลอดภัยให้กับการชำระเงินในรูปแบบดิจิทัล พร้อมมอบประสบการณ์ที่ดีให้แก่ลูกค้าในการซื้อสินค้าออนไลน์ตั้งแต่ก่อนไปจนถึงหลังชำระเงินเสร็จสิ้น ลองไปสำรวจเบื้องหลังความปลอดภัย เมื่อช้อปออนไลน์ผ่านบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย ที่จะทำให้มั่นใจได้กับการทำธุรกรรมออนไลน์
โซลูชั่นความปลอดภัยที่มั่นใจได้
One Time Password หรือ OTP เทคโนโลยีความปลอดภัยที่หลายคนคุ้นเคยกับการใช้งานมากที่สุด ซึ่งทุกครั้งที่มีการใช้บัตรเครดิต จะได้รับพาสเวิร์ดแบบใช้ครั้งเดียวผ่านทางข้อความในโทรศัพท์มือถือเพื่อยืนยันคำสั่งซื้อนั้นๆ
EMV Chip (อีเอ็มวี ชิป) คือชิปขนาดเล็กที่อยู่บนหน้าบัตรเครดิตโดยทุกครั้งที่มีการใช้จ่ายผ่านบัตร ตัวชิปนี้จะมีหน้าที่ออกโค้ดสำหรับการทำธุรกรรมในแต่ละครั้งด้วยการพิสูจน์รายการแบบไดนามิค ที่ตัวโค้ดจะมีการเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาซึ่งเป็นตัวเสริมให้กับระบบการตรวจสอบรายการทุจริตแบบเรียลไทม์ ที่ธนาคารผู้ออกบัตรใช้ในการตัดสินใจอนุมัติแต่ละรายการ ผู้ถือบัตรจึงได้รับความปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีกระดับ
Visa Advanced Authorisation (วีซ่า แอดวานซ์ ออโทไรซ์เซชั่น) คือโซลูชั่นที่ทำงานโดยการประยุกต์เทคโนโลยี Machine Learning เข้ากับ Artificial Intelligence (AI) ในการตรวจหาข้อมูลความเสี่ยงต่างๆ มากกว่า 500 จุด เพื่อประเมินว่าธุรกรรมนั้นๆ มีค่าคะแนนความเสี่ยงเท่าไร โดยคะแนนความเสี่ยงดังกล่าวจะถูกส่งต่อไปใช้กับบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย เพื่อที่ธนาคารกสิกรไทยจะได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการอนุมัติหรือปฏิเสธแต่ละธุรกรรม โดยเฉลี่ยในแต่ละวัน วีซ่ามีการวิเคราะห์ข้อมูลลักษณะนี้มากกว่าหกพันล้านรายการ และเมื่อใช้ข้อมูลนี้ประกอบกับการวิเคราะห์ข้อมูลการพิสูจน์ตัวตนอื่นๆ เช่น ไบโอเมทริกซ์ (Biometrics) เพื่อระบุตัวตนเจ้าของบัตรด้วยแล้ว ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง
Visa Tokenization (วีซ่า โทเค็นไนเซชั่น) มีหน้าที่ในการช่วยยืนยันว่าข้อมูลของผู้ถือบัตรจะไม่ถูกเปิดเผยระหว่างการทำธุรกรรมออนไลน์ โดยโซลูชั่นนี้จะเปลี่ยนรายละเอียดบัญชี อาทิ เลขหน้าบัตร 16 หลัก เลข CVV หลังบัตร หรือวันหมดอายุของบัตร ไปเป็นรหัสเฉพาะ (Token) เช่น 1001 1100 0111 0001 โซลูชั่นโทเค็นของวีซ่านี้จะช่วยให้ธนาคารผู้ออกบัตรสามารถประมวลผลการชำระเงินได้โดยไม่ต้องเปิดเผยรายละเอียดบัญชีจริง
อุ่นใจไปอีกขั้นกับนโยบาย Chargeback
ปัญหาคลาสสิกของคนที่ใช้บัตรเครดิตหรือบัตรเดบิต คือการได้รับใบเรียกเก็บเงินที่มีรายการแปลกๆ ปรากฏขึ้นมา หรือยอดไม่ตรงกับที่รูดใช้จ่ายไป บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทย จึงมีนโยบาย Chargeback เพื่อช่วยเหลือผู้ถือบัตรในการทักท้วงรายการใช้บัตรเครดิตและบัตรเดบิต หากเกิดการโจรกรรมหรือถูกเรียกเก็บเงินในจำนวนเงินที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งนโยบายนี้จะช่วยเสริมความมั่นใจและอุ่นใจให้กับผู้ถือบัตรมากขึ้น
ขณะเดียวกันอีกกรณีหนึ่งคือการที่ผู้ถือบัตรบังเอิญทำบัตรหายหรือถูกขโมย แล้วถูกนำไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต สิ่งแรกที่ผู้ถือบัตรต้องทำเมื่อรู้ตัว คือต้องรีบโทรไปอายัดบัตรกับธนาคารอย่างรวดเร็วที่สุด เพื่อให้ธนาคารระงับการใช้งาน ตรวจสอบข้อมูล และประสานงานช่วยเหลือให้ไม่เกิดความเสียหาย ธนาคารกสิกรไทยจึงได้มีการลงทุนในระบบตรวจสอบการทุจริตของธุรกรรมที่สามารถตรวจสอบการชำระเงินออนไลน์ได้ทันที ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ถือบัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยและรักษาอีโคซิสเท็มทางการเงินของธนาคารให้ปลอดภัย
อนาคตของความปลอดภัยที่จับต้องได้
จากการเติบโตถึง 100 เปอร์เซ็นต์ของยอดค่าใช้จ่ายในหมวดของการช้อปปิ้งออนไลน์ นับตั้งแต่ช่วงต้นของการเกิดไวรัสโควิด-19 จึงทำให้ธนาคารกสิกรไทย มุ่งมั่นในการพัฒนาและนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาใช้กับผลิตภัณฑ์บัตรเครดิตธนาคารกสิกรไทยอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการรักษามาตรฐานความปลอดภัย นับเป็นการมองไกลไปถึงอนาคตที่กำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
ความมุ่งมั่นของธนาคารกสิกรไทย การันตีได้จากการยอมรับในอุตสาหกรรมการชำระเงินในระดับภูมิภาค โดยช่วงต้นปีที่ผ่านมาธนาคารกสิกรไทยได้รับรางวัล ‘สุดยอดองค์กรด้านความปลอดภัยประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จากวีซ่า ประจำปี 2563 (Visa Champion Security Award Southeast Asia 2020)’ ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับธนาคารที่มีนโยบาย กระบวนการ และแนวปฏิบัติยอดเยี่ยมในการพัฒนาความปลอดภัยของเครือข่ายการชำระเงิน และทำให้การค้าของประเทศไทยเติบโตได้ในระยะยาว
อนาคตของผู้บริโภคและภาคธุรกิจไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ล้วนแล้วแต่ใช้เงินสดน้อยลง และการทำธุรกรรมการเงินดิจิทัลได้มีบทบาทมากขึ้น
ธนาคารกสิกรไทยจึงไม่หยุดความมุ่งมั่นในการทำงานร่วมกับพันธมิตรเพื่อพัฒนาและลงทุนในการเสริมสร้างมาตรฐานความปลอดภัยเพื่อมอบประสบการณ์การชำระเงินที่ราบรื่นและปลอดภัยให้แก่ทุกคน
อ้างอิงข้อมูลจาก
Kantar COVID-19 Barometer, fieldwork 27-31 มีนาคม ค.ศ. 2020 ผลสำรวจนี้รวบรวมข้อมูลผู้บริโภคในตลาด 40 แห่งทั่วโลก และ 11 ตลาดในเอเชียแปซิฟิกรวมถึงประเทศไทย ผนวกกับการตรวจสอบเว็บโดยอิงจากสิ่งที่ผู้คนพูดถึงและค้นหาบนอินเทอร์เน็ต