คืนวันที่ 4 มีนาคม 2567 กลายเป็นวันที่ถูกจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์ จากเหตุระหว่าง ‘กะเทยไทย – กะเทยปินส์’ (ฟิลิปปินส์) ณ ซอยสุขุมวิท 11 หลังจากที่คืนก่อนหน้ามีกะเทยไทย 2 คนถูกทำร้ายโดยกะเทยปินส์กว่า 20 คน จนได้รับบาดเจ็บ ทั้งยังถูกชิงทรัพย์ไป และเกิดคอมเมนต์มากมายบนโลกออนไลน์
ต่อมาได้มีการรวมตัวหน้าโรงแรม มีความรุนแรงและความวุ่นวายเกิดขึ้น ตำรวจได้เข้าคุมพื้นที่ ทยอยพาชาวฟิลิปปินส์ไปยังโรงพัก โดยเหตุการณ์นี้วุ่นวายนานหลายชั่วโมง และเริ่มสงบลงในที่สุด จากการช่วยกันอธิบายเพื่อให้ตำรวจได้ทำหน้าที่
เหตุการณ์นี้ ทำให้ #สุขุมวิท11 ติดเทรนด์อันดับหนึ่งบนเอ็กซ์ (ทวิตเตอร์) โดยมีผู้เข้ามาแสดงความเห็นจำนวนมาก ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแชร์ข้อมูลเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น แต่อีกส่วนหนึ่งชวนชี้ให้มองถึงปัญหาที่ซุกใต้พรมและเป็นเบื้องหลังที่นำมาซึ่งเหตุทะเลาะวิวาทนี้
ประเด็นแรกที่สำคัญคือปัญหาที่ Sex Workers ในย่านนั้นต้องเผชิญ โดยเฉพาะการที่ตำรวจไม่สามารถเป็นที่พึ่งพิงให้กับพวกเขาได้ในเวลาที่พวกเขาต้องการความช่วยเหลือ
ข้อมูลจาก มูลนิธิเพื่อนพนักงานบริการ (SWING) เผยว่า ปัญหาที่ Sex Workers ต้องเจอ เริ่มจากการที่ Sex Workers ในประเทศไทยยังผิดกฎหมาย โดยอยู่ภายใต้ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ที่กำหนดให้การค้าบริการทางเพศมีความผิดทางอาญา
SWING และประชาชนทั่วไปที่มาแสดงความเห็น จึงเห็นว่า Sex Workers ยังต้องเผชิญกับปัญหา ดังนี้
- โดนทำร้าย : หากถูกทำร้ายร่างกาย ถูกชิงทรัพย์จากผู้เข้ารับบริการ หรือจากใครก็ตาม จะไม่สามารถไปแจ้งความได้ เพราะสุดท้ายจะกลายเป็นโดนจับในข้อห้าค้าประเวณีเสียเอง หรืออาจต้องเสียส่วยเพิ่มให้กับเจ้าหน้าที่
- ถูกเอาเปรียบ : เพราะเป็นอาชีพที่ผิดกฎหมาย จึงไม่ได้รับการคุ้มครองในฐานะ ‘แรงงาน’ หากได้รับค่าจ้างหรือการดูแลที่ไม่เป็นธรรมก็เรียกร้องอะไรเพิ่มเติมไม่ได้
- เก็บส่วย รีดไถ : เพื่อให้สามารถทำอาชีพนี้ต่อไปได้ จะต้องจ่ายส่วยให้ตำรวจ ซึ่งอาจเป็นทั้งการจ่ายด้วยตัวเอง หรือผู้ประกอบการสถานบันเทิงเป็นคนจ่ายให้ และนอกจากนั้นยังอาจโดนตำรวจเรียกเก็บเงินโดยไม่มีเหตุผล แต่ก็ต้องยอมจ่ายไม่อย่างนั้นจะถูกจับ
- ต่างชาติเข้ามาทำงาน : มีต่างชาติเข้ามาลักลอบทำงานค้าประเวณีในไทย และยังแย่งพื้นที่ทำงานของคนไทย โดยตำรวจเองก็ไมไ่ด้จัดการอะไร ซึ่งมีคนตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการติดสินบนให้ตำรวจเช่นกัน
ด้วยปัญหาเช่นนี้ ทำให้คนไม่ไว้วางใจระบบยุติธรรม จึงต้องหาทางจัดการกับปัญหาด้วยตนเองและนำมาสู่เหตุการณ์ #สุขุมวิท11 โดยมีคนแสดงความเห็นว่า ในคืนที่คนไทยโดนทำร้ายกลับไม่มีตำรวจเข้ามาช่วย แต่เมื่อเกิดเหตุคืนวันที่ 4 กลับมีตำรวจเข้ามาคลี่คลายสถานการณ์อย่างรวดเร็ว จนมีประชาชนในเหตุการณ์ตั้งคำถามว่า “แล้วสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันยุติธรรมตรงไหน”
ล่าสุด SWING ได้เชิญชวนให้คนมาเข้าชื่อยกเลิก พ.ร.บ. ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 โดยการยกเลิกนี้ มีจุดประสงค์เพื่อลดการตีตราต่อผูัขายบริการ ให้ได้รับการคุ้มครองในฐานะแรงงาน และสร้างความมั่นคงให้ชีวิตได้ โดยมีจุดยืนว่า พ.ร.บ. นี้ไม่ได้ทำให้การค้าบริการทางเพศลดลงหรือหมดไป แต่ยิ่งเป็นอุปสรรคต่อการเลือกประกอบอาชีพด้วยความสมัครใจ และละเมิดสิทธิมนุษยชนของผู้ที่เลือกประกอบอาชีพขายบริการ
คณาสิต พ่วงอำไพ หนึ่งในผู้ก่อตั้งกลุ่มนอนไบนารีแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นผ่านเอ็กซ์ ว่า “ปรากฏการณ์ #สุขุมวิท11 คือหมุดหมายสำคัญ เป็นวันที่ควรจดจำที่ทำให้พวกเราต้องย้อนกลับมามองให้เห็นปัญหาและแก้ไขให้ตรงจุด” โดยย้ำให้มองประเด็นให้รอบด้าน โดยยังมีประเด็นทับซ้อนอย่างการที่หญิงข้ามเพศจำนวนมากถูกเลือกปฏิบัติจากการจ้างงาน จึงต้องเลือกมาเป็น Sex Workers
หลังจากนี้จึงต้องติดตามต่อว่ากระบวนการทางกฎหมายต่อเหตุการณ์สุขุมวิท 11 จะเป็นอย่างไร เพราะจะถือเป็นอีกตัวชี้วัดความหวังของคนไทยในพื้นที่ต่อกระบวนการยุติธรรม ภาพลักษณ์ของตำรวจ รวมถึงการยื่นยกเลิกกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่าง พ.ร.บ. ค้าประเวณี ที่ยังคงต้องติดตามความเป็นไปได้ในการแก้ไขให้สำเร็จต่อไป
อ้างอิง
https://www.the101.world/land-of-discrimination/
https://twitter.com/beley_q/status/1764708645655466255