ที่ผ่านมา เรามักเห็นบางบริษัทในต่างประเทศที่ให้ทำงาน 4 วันกันมาบ้าง แล้วถ้าเป็นโรงเรียนล่ะ?
เขตพื้นที่การศึกษาแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ เปลี่ยนจากการเรียน 5 วัน มาเรียน 4 วันตั้งแต่ปี 2019 แทน แล้วก็ไม่ได้พบว่ากระทบกับกาเรียนการสอน รวมถึงยังทำให้เด็กๆ และคุณครูในโรงเรียนมีความสุขกับการไปโรงเรียนอีกเช่นกัน
เมื่อวานนี้ (24 พฤษภาคม) มีรายงานว่า เกร็ก คลิงคินสมิธ (Gregg Klinginsmith) ศึกษาธิการเขตเวอร์เรนตัน (Warren County R-III School District) ในรัฐมิสซูรี สหรัฐฯ ออกมาเปิดเผยถึงผลลัพธ์ของการเรียนการสอน 4 วัน ที่กำหนดให้เรียนในวันอังคาร-วันศุกร์ เข้าเรียนตั้งแต่ 7.45 น.- 15.15 น.
โดยคลิงคินสมิธ เล่าที่มาที่ไปของนโยบายดังกล่าวว่าเขตโรงเรียนของเขาเป็นเพียงโรงเรียนในเขตชานเมือง ที่ไม่ได้อยู่ในโซนที่มีฐานะร่ำรวยมากนัก ตรงกันข้ามกับเขตใกล้เคียง ที่มีเป็นเขตใหญ่และให้เงินเดือนครูสูงกว่าเขาถึง 20,000 ดอลลาร์ต่อปี (ราวๆ 690,000 บาทต่อปี) ทำให้เขาต้องประสบกับปัญหาครูลาออกบ่อยๆ
เมื่อเขาไม่สามารถเพิ่มเงินเดือนครูได้ เขาจึงต้องยื่นข้อเสนอเรื่องวันหยุดแทน
คลิงคินสมิธระบุอีกว่าเวลาอาจเป็นสิ่งที่ช่วยรักษาบุคลกรเอาไว้ แต่สิ่งที่ต้องโฟกัสก็คือการจัดหาสภาพการทำงานที่ดีที่สุดสำหรับพนักงาน ทั้งเขายังหวังว่าตารางเวลาแบบนี้ อาจจะช่วยให้การเข้าเรียนของเด็กๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะเมื่อนักเรียนไม่ต้องเข้าเรียนหลายๆ วัน นั่นหมายถึงเด็กก็จะมีวินัยในวันที่เข้าเรียนมากขึ้น
“ผมค้นคว้าผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนมาอย่างยาวนาน ผมศึกษาเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด และผมก็ได้รู้ว่าครูในห้องเรียนคือกุญแจสู่ความสำเร็จของนักเรียน ดังนั้นไม่ว่าอะไรก็ตาม ที่เราสามารถทำได้เพื่อรักษาคุณภาพของครูในเขตโรงเรียนของเราเอาไว้ ก็จะส่งผลดีต่อสังคมของเรา” คลิงคินสมิธกล่าว
ในเขตพื้นที่การศึกษาใกล้เคียงก็มีการปรับให้เรียนแค่ 4 วัน ทำให้เขาสามารถขอคำปรึกษาจากโรงเรียนอื่นๆ ได้ เนื่องจากเขาเองก็กังวลถึงผลกระทบกับประสิทธิภาพในการเรียนของนักเรียนเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หนึ่งที่เขาค้นพบก็คือ จำนวนวันเรียนที่ลดลง ‘ไม่ได้ส่งผลกระทบ’ ถึงผลสัมฤทธิ์ในการเรียนของนักเรียนเลย
อีกทั้ง เขายังพบว่า ประมาณ 30% ในเขตการศึกษาของรัฐ ก็เริ่มกำหนดให้มีการเรียนการสอน 4 วันแล้วเช่นกัน แต่ก็ไม่ใช่ว่าในแต่ละเขตจะสามารถกำหนดชั่วโมงการเรียนการสอนได้ เพราะมีข้อกำหนดจากรัฐมาแล้วว่า พื้นที่การศึกษาแต่ละแห่งต้องมีชั่วโมงเรียน 1,044 ชั่วโมง และกำหนดวันเริ่มเรียนไว้ ส่วนแต่ละแห่งจะจัดสรรเวลาอย่างไรก็แล้วแต่เขตนั้นๆ เลย
อย่างไรก็ดี หลังจากที่เริ่มมีนโยบายให้เรียน 4 วัน ผู้ปกครองหลายๆ คนก็กังวลถึงเรื่องการดูแลเด็ก เนื่องจากผู้ปกครองก็ยังต้องทำงาน 5 วันอยู่ดี
เห็นดังนั้น คลิงคินสมิธจึงเพิ่มตัวเลือกให้กับผู้ปกครองและนักเรียน ให้วันจันทร์เป็นวันที่ผู้ปกครองสามารถส่งเด็กๆ ไปให้โรงเรียนดูแล มีการอบรมเพิ่มเติมฟรีๆ มีแพทย์ไปตรวจร่างกาย มีการบำบัดทางด้านจิตใจ หรือแม้แต่มีให้เด็กไปตัดผมฟรีเช่นกัน
แต่ก็มีนักเรียนจำนวนไม่มากนักที่เข้าร่วมกิจกรรมดังกล่าว และเลือกที่จะไปโรงเรียนแค่ 4 วัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ที่ผู้ปกครองส่วนใหญ่เริ่มทำงานที่บ้านมากขึ้น
ทางด้านพนักงานที่จ้างเป็นรายชั่วโมง ก็ได้รับผลกระทบกับการเปลี่ยนไปเรียน 4 วันเช่นกัน เพราะนั่นหมายความว่าชั่วโมงการทำงานของเขาจะหายไป คลิงคินสมิธ ก็แก้ปัญหาดังกล่าวด้วยการให้พนักงานเหล่านั้นไปดูแลห้องเรียนในวันจันทร์ที่เป็นวันหยุดแทน
รวมไปถึง หลายคนยังคาดการณ์กันว่าถ้าเรียน 4 วัน จะทำให้คนอื่นๆ ไม่อยากไปอยู่ในพื้นที่การศึกษานั้นๆ หรือเปล่า แต่คลิงคินสมิธก็ระบุว่านั่นไม่ใช่ความจริง เพราะตอนนี้มีบ้านกว่า 1,000 หลังที่กำลังจะสร้างภายในปีนี้ และนายหน้าขายบ้านก็ใช้การเรียน 4 วันเป็นเครื่องมือในการประชาสัมพันธ์พื้นที่ด้วยเช่นกัน
กลับมาที่ผลลัพธ์ของการเรียน 4 วัน จากที่เมื่อก่อนมีครูลาออกบ่อยๆ ตอนนี้ คลิงคินสมิธก็พบว่าครูเริ่มลาออกน้อยลง จากเดิมที่มีคนออกถึง 20% ตอนนี้ก็ลดลงเหลือประมาณ 15% ซึ่งเขาก็ตั้งเป้าไว้ว่าจะให้เหลือเพียง 10% เท่านั้น อีกทั้ง หลังจากที่เปลี่ยนไปเรียน 4 วันแล้ว เขาก็พบว่า ครูหลายๆ คนพึงพอใจกับการทำงานเช่นนี้ เพราะทำให้ครูมี work-life balance ที่ดี
ส่วนเรื่องผลการเรียน เขาก็พบว่าการเรียน 4 วันไม่ได้ทำให้ผลการเรียนของเด็กๆ ตกต่ำลงจริงๆ แต่อัตราการเข้าเรียนในห้องของเด็กในตอนนี้ยังไม่ได้ดีขึ้นจากเดิมมากเท่าไรนัก ซึ่งเขาก็ยังหวังว่าการเรียน 4 วันนี้จะช่วยให้ในอนาคตนักเรียนอยากเข้าเรียนมากขึ้น
“นักเรียนของเราชอบตารางเรียนใหม่ และเด็กมัธยมปลายส่วนใหญ่ที่ผมคุยด้วยก็ทำงานในวันจันทร์ ทำให้พวกเขาได้รับประสบการณ์ต่างๆ นอกห้องเรียน ซึ่งผมคิดว่านั่นเป็นสิ่งที่มีค่า เพราะพวกเขามีประสบการณ์ในโลกแห่งความเป็นจริง พวกเขาจะมีประสบการณ์ที่สามารถเอาไปใส่ในเรซูเม่ได้ และพวกเขาก็กำลังช่วยเหลือชุมชนของเราอีกเช่นกัน” คลิงคินสมิธระบุ
นอกจากนี้ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยจอร์เจียเสตต (Georgia State University) และมหาวิทยาลัยมอนแทนาเสตต (Montana State University) ยังมีการศึกษาที่พบว่า การลดเวลาเรียนในชั้นประถมศึกษาเป็น 4 วันต่อสัปดาห์ และเพิ่มเวลาเรียนต่อวันให้นานขึ้น จะช่วยทำให้เด็กได้คะแนนดีขึ้นอีกด้วย
โดยมีการเปรียบเทียบผลการทดสอบจากการเรียน 4 วันต่อสัปดาห์ ก็พบว่า คะแนนด้านการอ่านเขียนไม่ได้เปลี่ยนไปมากเท่าไร แต่คะแนนด้านคณิตศาสตร์กลับดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
แมรี่ เบท วอล์กเกอร์ (Mary Beth Walker) คณบดีของ Andrew Young School of Policy Studies จากรัฐจอร์เจีย กล่าวว่า ในตอนแรกคิดว่าการที่เวลาเรียนในแต่ละสัปดาห์สั้นลง จะส่งผลต่อประสิทธิภาพด้านการเรียนของเด็กๆ เพราะเด็กอาจหลงลืมเนื้อหาที่เรียนไป แต่ผลกลับออกมาตรงกันข้ามกับที่คิดไว้ และการเรียน 4 วันต่อสัปดาห์ ก็ยังช่วยทำให้เด็กๆ มีความกระตือรือร้นในการเรียนมากขึ้น อีกด้วย
อ้างอิงจาก