รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีนี้ ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน โดยครึ่งหนึ่ง มอบให้กับ โรเจอร์ เพนโรส (Roger Penrose) นักวิทยาศาสตร์ผู้ไขปริศนาว่า การก่อตัวของหลุมดำ เป็นไปตามการทำนายของทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไป (The general theory of relativity) และอีกครึ่งหนึ่งมอบให้กับ เรนฮาร์ท เกนเซล (Reinhard Genzel) และอันเดรีย เกซ (Andrea Ghez) นักวิจัยผู้ค้นพบวัตถุมวลยิ่งยวด (supermassive compact object) ที่ใจกลางกาแล็กซี่ของเรา
สำหรับเพนโรสนั้น เขาได้คิดค้นระเบียบวิธีเชิงคณิตศาสตร์ เพื่อวิเคราะห์ทฤษฎีสัมพัทธภาพทั่วไปของอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) ซึ่งการค้นพบของเขา พิสูจน์ให้เห็นว่าทฤษฎีนี้นำไปสู่การทำความเข้าใจถึงการก่อตัวของหลุมดำ ซึ่งเปรียบเสมือนความลับสุดลึกลับของอวกาศ
ขณะที่ การค้นพบของเกนเซลและเกซนั้น เป็นการค้นพบมวลวัตถุขนาดมหึมาที่มองไม่เห็นควบคุมวงโคจรของดวงดาวที่ใจกลางกาแล็กซี่ของเรา
เดวิด ฮาวิแลนด์ (David Haviland) ประธานคณะกรรมการรางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์กล่าวว่า การค้นพบทั้งสองอย่างนี้ ได้ทำลายรากฐานใหม่ในการศึกษาวัตถุมวลยิ่งยวด แต่ก็ยังคงมีคำถามมากมายที่ต้องอาศัยการวิจัยและการค้นพบอีกมากมายในอนาคต
“ไม่ใช่แค่คำถามเกี่ยวกับโครงสร้างภายในของมันเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงคำถามเกี่ยวกับวิธีทดสอบทฤษฎีแรงโน้มถ่วงของเรา ภายใต้สภาวะที่รุนแรงในบริเวณใกล้เคียงกับหลุมดำด้วย”