เมื่อพูดถึงการท่องเที่ยวอวกาศหรือ Space Tourism หลายคนอาจจะรู้สึกว่าเป็นการมองภาพไปยังอนาคต นึกภาพการนอนโรงแรมในอวกาศหรือการไปพักผ่อนบนดวงจันทร์ แต่จริงๆ แล้ว แนวคิดเรื่องการจ่ายเงินเพื่อไปสัมผัสกับประสบการณ์อวกาศนั้น ณ ตอนนี้ ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น
ปัจจุบันอวกาศกำลังมาถึงยุคที่เรียกว่า Space Commercialization การอวกาศเพื่อการทำธุรกิจหรือการค้า ดังนั้นเราจะพบว่าหลายๆ อย่างจะออกแนวไปในทางทุนนิยม พูดง่ายๆ ก็คือ มีเงินก็ทำอะไรได้หลายอย่างมาก แม้กระทั่งการขึ้นไปบนสถานีอวกาศนานาชาติ หรือ International Space Station ถ้าเรามีเงินถึงปริมาณหนึ่ง การเดินทางขึ้นไปอวกาศก็ไม่ได้ยากอย่างที่คิด
อย่างไรก็ตาม Space Tourism ในบริบทของปัจจุบัน แน่นอนว่ายังคงมีราคาที่สูงอยู่ แต่ถ้าเกิดพูดกันจริง ๆ แล้ว มันก็ยังอยู่ในจุดที่ถ้ามีเงินก็ยังซื้อได้อยู่ แปลว่าเรามีเทคโนโลยีที่พร้อม มีความเป็นไปได้ เหลือแค่รอเวลาและกลไกทางเศรษศาสตร์ ที่จะทำให้การเดินทางไปอวกาศมีราคาถูกลง
เราจะพาไปดูประสบการณ์ Space Tourism หรือการท่องเที่ยวอวกาศที่เราสามารถจ่ายเงิน (มหาศาล) เพื่อไปสัมผัสได้แล้วในปี 2020
Zero G Flight (170,000 บาท)
เริ่มต้นจากการไม่ได้ไปอวกาศแบบอวกาศจริง ๆ แต่สัมผัสกับสภาวะไร้น้ำหนักเหมือนอยู่ในอวกาศก่อน ปัจจุบันยังไม่มีห้อง Lab ไหนบนโลกที่สามารถจำลองสภาวะไร้น้ำหนักเหมือนเวลาอยู่ในอวกาศได้ แต่ก็ยังมีวิธีที่ทำให้เราได้มีโอกาสสัมผัสกับสภาวะไร้น้ำหนัก (Weightless) หรือ Zero Gravity, Microgravity ได้อย่างใกล้เคียงอวกาศที่สุด คือการบินแบบ Parabolic Flight
Parabolic Flight เป็นการนำเครื่องบินมาบินในลักษณะรูปพาราโบลา ทำให้เมื่อเครื่องบินไต่ระดับขึ้นไป ณ จุดหนึ่งแล้วดิ่งลงมา เราจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ที่ทำให้เราอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักประมาณ 20 วินาที (แต่บินหลายๆ รอบ) ซึ่งปกติแล้ว การบินแบบนี้จะถูกนำมาให้บริการกับทั้งนักท่องเที่ยวผู้ที่อยากมีประสบการณ์สภาวะไร้น้ำหนัก ตลอดไปจนถึงการทำงานวิจัย งานด้านวิทยาศาสตร์ต่างๆ
สำหรับราคาต่อการขึ้นบินเที่ยวบินแบบ Parabolic Flight นั้นจะอยู่ที่ 5,400 เหรียญ หรือประมาณหนึ่งแสนเจ็ดหมื่นบาทต่อเที่ยว (บินให้ได้สภาวะไร้น้ำหนัก 15 ครั้ง ครั้งละ 20 วินาที) และสามารถจองเที่ยวบินได้ที่ – https://www.gozerog.com
แต่จริงๆ การบินแบบนี้ก็ยังไม่นับว่าเป็นการไปอวกาศหรอก เพราะยังไม่ได้ขึ้นไปสูงกว่าเส้น Kerman Line ที่ 100 กิโลเมตร ที่เป็นเส้นที่นิยามว่าเป็นอวกาศนั่นเอง
Virgin Galactic (7.7 ล้านบาท)
ทีนี้มาถึงการไปอวกาศจริงๆ แล้ว จากที่นิยามกันไปว่าอวกาศคือ 100 กิโลเมตรเหนือผิวโลก การจะบินขึ้นไปที่ความสูงระดับนั้นจะนับว่าเป็นการบินแบบ Sub-Orbital คือขึ้นไปอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักแต่ก็ไม่ได้โคจรรอบโลก ซึ่งปกติแล้วจะเป็นการบินไปกับเครื่องบินแบบพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อให้ผู้โดยสารได้ไปอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักชั่วคราวและมองเห็นวิวของโลกจากระดับความสูงที่น้อยคนนักอาจจะเคยสัมผัส
Virgin Galactic เป็นหนึ่งในบริษัทที่เปิดให้มีการจองเที่ยวบินในการบินแบบ Sub-Orbital ด้วยเครื่องบิน SpaceShipTwo ซึ่งมีการทดสอบบินไปแล้วประสบความสำเร็จ ซึ่งในอนาคตมันจะถูกนำมาใช้ในการท่องเที่ยวอวกาศเพื่อสัมผัสกับประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร
ปัจจุบันเที่ยวบินบนยาน SpaceShipTwo นั้นยังไม่ มีการขายตั๋วอย่างเป็นทางการแบบที่ว่าซื้อแล้วได้ไปแน่ๆ แต่มีการขายใบสมัครในการเป็นผู้มีโอกาสได้ขึ้นบิน ซึ่งมีราคาการสมัครอยู่ที่ 1,000 เหรียญ สหรัฐฯ หรือประมาณสามหมื่นบาท เมื่อสมัครแล้วจะได้เป็นหนึ่งใน Virgin Galactic Future Astronaut Community (ซึ่งก็ต้องจ่ายเงินอีกรอบอยู่ดีเมื่อยานพร้อม)
โดยมีการคาดการณ์ราคาของการขึ้นบินแบบ Sub-Orbital กับยาน SpaceShipTwo ว่าจะอยู่ที่ราว 250,000 เหรียญ สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.7 ล้านบาทเลยทีเดียว
สามารถไปสมัครเป็น Virgin Galactic Future Astronaut Community ได้ที่ – https://www.virgingalactic.com
New Shepard (7-8 ล้านบาท)
ปัจจุบันจรวด New Shepard ของ Blue Origin บริษัทของเจ้าพ่อ Amazon อย่าง Jeff Bezos นั้นได้ถูกใช้งานในการทำการทดลองวิทยาศาสตร์ในสภาวะไร้น้ำหนักในเที่ยวบินแบบ Sub-Orbital มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งนอกจากงานวิทยาศาสตร์แล้ว New Shapard จริงๆ ได้รับการออกแบบสำหรับการใช้งานในเชิงกิจกรรมการท่องเที่ยวอวกาศ โดยตัวจรวดจะพุ่งขึ้นพานำยานอวกาศที่ติดอยู่บริเวณหัวจรวดให้ล่องลอยอยู่ในสภาวะไร้น้ำหนักประมาณ 3-5 นาที โดยขึ้นไปอยู่เหนือชั้น Kerman Line ซึ่งนับว่าเป็นการไปอวกาศจริงๆ
ราคาของการบินกับจรวด New Shapard นั้นถูกคาดการณ์ว่าอยู่ที่ราคาเดียวกับของ Virgin Galactic ก็คือ 200,000 – 250,000 เหรียญ สหรัฐฯ หรือประมาณ 7-8 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม Reuters รายงานว่ามีผู้ที่ซื้อตั๋วในราคานี้ไปแล้วกว่า 650 คน
สามารถเข้าไปจองเที่ยวบินได้ที่ https://www.blueorigin.com/new-shepard/become-an-astronaut/reserve-a-seat
International Space Station (620 ล้านบาท)
หรือถ้าหากการไปแตะขอบอวกาศเฉย ๆ ที่ 100 กิโลเมตรยังไม่สะใจ เราก็สามารถเลือกที่จะขึ้นไปเที่ยวบนสถานีอวกาศนานาชาติได้เช่นกัน แบบนี้ก็จะนับว่าเราจะได้โคจรครบ และใช้ชีวิตบนอวกาศแบบเป็นวันๆ หรือเป็นสัปดาห์ ไม่ใช่แค่ หลักนาที ซึ่งก็เคยมีมหาเศรษฐียอมจ่ายเงินเพื่อได้ไปอยู่บนสถานีอวกาศนานาชาติเป็นเวลา 10 วัน โดยเดินทางขึ้นไปกับยานโซยุสของรัสเซีย
แน่นอนว่าราคาไม่ใช่แค่หลักล้านบาทแน่ ๆ แต่อยู่ที่ 20-50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นเงินไทยก็ประมาณ 620-1,500 ล้านบาท! ซึ่งราคานี้จ่ายให้กับ Roskosmos หรือองค์กรอวกาศของรัสเซีย
การเดินทางไปกับยานอวกาศอย่างโซยุสนั้นนับว่าเป็นอะไรที่เสี่ยงไม่แพ้กับนักบินอวกาศทำให้ผู้ที่จะเดินทางจะต้องได้รับการฝึกเหมือนกับการฝึกนักบินอวกาศทุกประการ
อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ SpaceX ได้รับสัมปทานในการส่งนักบินอวกาศไปยังสถานีอวกาศนานาชาติ NASA ก็ร่วมกับ SpaceX เปิดให้นักท่องเที่ยวอวกาศสามารถซื้อตั๋วขึ้นไปเที่ยวบน ISS ในราคาที่ถูกลง ซึ่งถูกลงที่ว่านั้น
สำหรับการไปแบบนี้ไม่มีลิงก์ให้สมัคร เพราะถ้าคุณมีเงินเหลือใช้ถึงหลักร้อยหลักพันล้านบาทแล้วล่ะก็ เราก็เชื่อว่าคุณคงมีช่องทางการติดต่อกับ NASA หรือ Roskosmos ได้ไม่ยากนัก
Starship และโครงการ Dear Moon ของ SpaceX
เป็นที่ฮือฮาเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เมื่อมหาเศรษฐีชาวญี่ปุ่น Yusaku Maezawa ประกาศซื้อเทียวบินของยาน Starship ที่ SpaceX กำลังพัฒนา ให้ไปบินโฉบดวงจันทร์ในปี 2023 Maezawa จะทำการเชิญศิลปินอีกหลายท่านเพื่อร่วมเดินทางไปกับเขา ในชื่อแคมเปญว่า ‘Dear Moon’
โดยศิลปินเหล่านี้จะประกอบไปด้วย ช่างภาพ, นักวาดรูป, นักปั้น, นักดนตรี, ผู้กำกับ และคนในบรรดาสายงาน Arts ตามแนวคิดของ Maezawa ที่บอกว่า ศิลปะคือตัวแทนของมนุษยชาติ
ไม่มีใครทราบว่า Maezawa ควักกระเป๋าจ่ายไปเท่าไหร่ แต่ Elon Musk ได้บอกว่าจำนวนเงินนั้นมากพอที่จะนำมาช่วยในการพัฒนายาน BFR ซึ่งคาดกันว่าคงอยู่ในช่วง 500-1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณสามหมื่นล้านบาท) เลยทีเดียว ซึ่งเป็นการเช่าเหมาลำ
สามารถดูรายละเอียดของโครงการได้ที่ https://dearmoon.earth
การท่องเที่ยวอวกาศในอนาคต
แม้เห็นตัวเลขแล้วหลายคนอาจจะถอดใจว่าทำไมมันแพงแบบนี้ แต่จริงๆ แล้วต้องบอกว่าชั่วชีวิตของเราโอกาสที่การเดินทางไปบนอวกาศจะถูกลงกว่านี้ได้อีกนั้นเป็นไปได้สูงมาก ถ้าเราลองดูจะพบว่าการสำรวจอวกาศในปัจจุบันนั้นถูกทำให้มีต้นทุนที่ลดลง จากการนำจรวดกลับมาใช้ซ้ำได้ของ SpaceX
หรือแม้กระทั่งคอนเซ็ปต์การออกแบบยานอวกาศรุ่นใหม่ๆ ก็จะเน้นไปที่การทำให้สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ทั้งนั้น หรือในอนาคตหากจะมีการทำให้การเดินทางไปในอวกาศมีรอบชัดเจนที่แน่นอน การเดินทางท่องเที่ยวอวกาศก็อาจจะเป็นตลาดใหม่ๆ ให้กับบริษัทขนส่งอวกาศก็ได้ และอาจจะมีการใช้โมเดลเดียวกับสายการบิน เพื่อทำให้ราคาของตั๋วในการเดินทางถูกที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้
Content by ณัฐนนท์ ดวงสูงเนิน
#Brief #whatsup #TheMATTER