ในหลายประเทศเริ่มปลดล็อกกัญชาออกจากสิ่งเสพติดผิดกฎหมาย เพื่อนำไปใช้ในประโยชน์ทางการแพทย์มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี งานวิจัยล่าสุดพบว่า การสูบกัญชาอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณมากกว่าที่คิด
EClinicalMedicine เปิดเผยงานวิจัยล่าสุดว่า พวกเขาพบสารพิษหลายตัวในเลือดและปัสสาวะของผู้ที่สูบกัญชาอย่าง แนพทาลีน (ลูกเหม็น) ซึ่งส่งผลต่ออาการโรคโลหิตจาง อะคริลาไมด์ (ซึ่งพบในกระบวนการทำกระดาษ พลาสติก และสีย้อม) และอะคริโลไนไตรล์ อันเป็นสารพิษที่เชื่อมโยงต่อการเกิดมะเร็ง มากกว่าผู้ที่ไม่ได้สูบกัญชา
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า การปลดล็อกกัญชาในหลายประเทศให้พ้นจากยาเสพติด อาจส่งผลต่ออัตราเสี่ยงการเกิดโรคร้ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มะเร็ง ในผู้ใช้กัญชาได้ เนื่องจากสารพิษที่พบในกัญชาสูบ ไม่ค่อยแตกต่างออกไปจากสารพิษที่พวกเขาพบในใบยาสูบที่มนุษย์ใช้สูบกันเป็นปกติอยู่แล้ว
ทีมนักวิจัยได้ทดลองด้วยการใช้ผู้ที่มีผลเลือด HIV ทั้งบวกและลบ จำนวน 245 คน เข้าร่วมการทดลองดังกล่าว โดยพวกเขาพบว่า ผู้ที่มีเชื้อ HIV ในร่างกาย และสูบกัญชาและใบยาสูบ มีความเสี่ยงที่จะได้รับการติดเชื้อสูงมากกว่าผู้ที่ไม่สูบ เนื่องจากสารพิษต่างๆ นี่เอง ที่อาจเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อที่สูงขึ้นกว่าปกติ
ผลการทดลองของ US Environmental Protection Agency ระบุว่า ถึงแม้พวกเขาจะไม่พบสารแอโครลีนในเลือดและปัสสาวะของผู้สูบกัญชา มากเท่าผู้สูบใบยาสูบ แต่แอโครลีนนี้เอง ซึ่งเป็นสารที่เกิดจากการเผาไหม้ของเชื้อเพลิงต่างๆ เช่น น้ำมันก๊าซ หรือน้ำมันจากใบยาสูบและกัญชา จะสร้างอาการระคายเคือง และความอึดอัดของระบบทางเดินหายใจส่วนบน ยิ่งไปกว่านั้น มันอาจทำให้การสูดดมอากาศผ่านทางจมูกและช่องปาก ปนเปื้อนไปด้วยสารพิษอันตราย
จากผลการวิจัย นักวิทยาศาสตร์ชี้ว่า สารต่างๆ อาจเป็นต้นตอของการเกิดมะเร็งอย่างมีนัยสำคัญ ทั้งนี้ อาการเบื้องต้นหลังจากที่ผู้สูบกัญชา อาจทำให้พวกเขามีอาการแขนขาอ่อนแรง หายใจลำบากหรือหายใจผิดปกติ วิงเวียนศีรษะ การตัดสินใจบกพร่อง ตัวเขียว คลื่นไส้ รวมไปถึงอาการชัก ทำให้การใช้กัญชาจึงมีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ในการควบคุมดูแลของแพทย์ เพื่อให้ผู้ใช้กัญชาหลีกเลี่ยงการพบกับความเสี่ยง ต่อการรับสารพิษเข้าสู่ร่างกาย
อย่างไรก็ดี ยังไม่มีงานวิจัยสนับสนุนว่า การสูบกัญชาสามารถรักษามะเร็งได้อย่างที่เคยมีความเข้าใจกัน ข้อมูลจากสถาบันมะเร็งของสหรัฐฯ เปิดเผยว่า การใช้กัญชาในการบำบัดมะเร็งผ่านการใช้น้ำมันสกัด หรือการสูบนั้น ให้ผลในการระงับอาการเจ็บปวด และอาการคลื่นไส้จากการเกิดโรคมะเร็งและการใช้เคมีบำบัดเท่านั้น ไม่ใช่การรักษามะเร็งโดยตรง ทั้งนี้ กัญชาสามารถถูกใช้ประโยชน์ในการบำบัดรักษาอาการของโรคอื่นๆ เช่น โรคลมชัก อาการชักเกร็ง ปวดประสาท อาการนอนไม่หลับ พาร์กินสัน อัลไซเมอร์ เป็นต้น
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2021/01/11/health/weed-marijuana-smokers-toxins-wellness/index.html
https://www.cancer.org/cancer/cancer-causes/acrylamide.html
https://www.epa.gov/sites/production/files/2016-09/documents/acrylonitrile.pdf
https://www.epa.gov/sites/production/files/2016-09/documents/naphthalene.pdf
https://www.matichon.co.th/article/news_1685493
#Brief #TheMATTER