หลังจากเมื่อวานนี้ (25 ม.ค.) วุฒิสภามีการพิจารณาแก้ไขกฎหมาย ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมาย (ป.อาญา) มาตรา 301 และมาตรา 305 หรือกฎหมายยุติการตั้งครรภ์ ซึ่งในที่สุดวุฒสภาก็เห็นชอบเป็นที่เรียบร้อย
แล้วทำไมถึงได้มีการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ที่เราเห็นข่าวเรื่อยมาตั้งแต่ปีก่อน?
ขอย้อนไปที่จุดเริ่มต้นของการแก้ไขให้มีการยุติการตั้งครรภ์แบบถูกกฎหมาย ซึ่งเกิดจากคำร้องของ พญ.ศรีสมัย เชื้อชาติ ซึ่งอยู่ในเครือข่ายอาสาเพื่อการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย (RSA) ได้ถูกตำรวจจับกุมและดำเนินคดี กรณีไปช่วยทำแท้งให้ผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ไม่พร้อม เธอจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญว่า กฎหมายมาตรานี้ขัดหรือแย้งกับรัฐธรรมนูญฉบับปี พ.ศ.2560 มาตรา 27, 28 และ 77
ต่อมา ในวันที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำวินิจฉัยที่ 4/2563 ว่า มาตรา 301 ในกฎหมายยุติการตั้งครรภ์มีเนื้อหาขัดกับรัฐธรรมนูญจริง ส่วนมาตรา 305 แม้ไม่ขัดกับรัฐธรรมนูญ แต่สมควรปรับปรุงให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน ทำให้คำวินิจฉัยและคำแนะนำของศาลรัฐธรรมนูญดังกล่าว มีผลบังคับภายใน 360 วัน คือภายในวันที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2564
แต่ระหว่างที่มีการผลักดัน เรียกร้อง ก็เกิดข้อถกเถียงและความเห็นมากมายเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายฉบับนี้ ซึ่งเราขอหยิบยกประเด็นสำคัญที่เป็นข้อถกเถียงหลักๆ ในการแก้ไขกฎหมายยุติการตั้งครรภ์มาให้อ่านกัน
– ปัญหาของมาตรา 301 ป.อาญา –
ใน ป.อาญา มาตรา 301 นั้นกำหนด ‘โทษ’ ให้ผู้หญิงที่ทำแท้งโดยไม่ได้รับอนุญาตต้องมีความผิด ซึ่งมีอัตราโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 6,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ซึ่งการคงอยู่ของมาตรานี้ทำให้การตัดสินใจบนเนื้อตัวร่างกายผู้หญิงกลายเป็นอาชญากรรม และส่งผลให้ผู้หญิงไม่กล้าทำแท้ง หรือต้องเลือกเส้นทางการทำแท้งที่ไม่ปลอดภัย เข้าคลินิกเถื่อนหรือซื้อยาซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิต
โดยจากแถลงการณ์ข้อเท็จจริงเรื่องการทำแท้งในประเทศไทยของเครือข่าย RSA ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์การทำแท้งไว้ว่า จำนวนผู้หญิงที่บาดเจ็บและเสียชีวิตจากการทำแท้งไม่ปลอดภัยนั้นมีจำนวนสูงกว่าผู้ติดเชื้อ COVID-19 ถึงสามเท่า ซึ่งเกิดจากการที่การทำแท้งถูกทำให้เป็นเรื่องที่กลัวความผิดต่อกฎหมายจนต้องหลบหนีไปรับบริการที่ไม่ปลอดภัย
เมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2564 สภาผู้แทนราษฎรได้พิจารณาร่างกฎหมายนี้ และมี ส.ส.หลายสิบคน รวมถึงตัวแทนจากเอ็นจีโอ กฤษฎีกา และแพทย์ ที่เข้าร่วมประชุมสภาฯ ในฐานะตัวแทนของ กมธ.วิสามัญ ร่วมแสดงความคิดเห็น
โดย อ.กฤตยา อาชวนิจกุล ให้เหตุผลที่ควรยกเลิกมาตรา 301 คือ “มาตรา 301 เป็นเป็นอาชญากรรมที่ไม่มีเหยื่อ เป็น victimless crime คือผู้หญิงไม่ได้ทำร้ายใคร ไม่ได้กระทำผิดต่อใครเลย ผู้หญิงแค่จะตัดสินเกี่ยวกับเนื้อตัวร่างกายของตัวเอง จากการท้องไม่พร้อม ถามว่าคนขายอวัยวะตัวเองผิดไหม ไม่ผิด คนพยายามฆ่าตัวเองแล้วบังเอิญไม่ตาย ผิดไหม ก็ไม่ผิด แต่ทำไมเมื่อผู้หญิงตัดสินใจที่จะยุติการตั้งครรภ์ กฎหมายถึงจะเอาผิดเขา เป็นอาชญากรรม”
ในขณะที่ อาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา พรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า หลักความเชื่อในศาสนาอิสลามมีเรื่องสิทธิของทารก จึงอยากให้คงมาตรา 301 ตาม ป.อาญาเดิมไว้ แต่ให้ลดอัตราโทษลงแทน จากจำคุก 3 ปี มาเป็นกรณีอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ เป็นจำคุก 6 เดือน กรณีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ เป็นจำคุก 1 ปี
เพจ คุยกับผู้หญิงที่ทำแท้ง เคยให้ความเห็นกับ The MATTER ถึงเหตุผลที่ต้องยกเลิกมาตรา 301 เพราะการมีมาตรานี้ทำให้คนสับสนและกลัวการทำแท้ง เพราะมันคือมาตราแรกที่เอาผิดคนทำแท้ง ก่อนจะต้องไปแย้งกันในศาลว่าผู้หญิงมีสิทธิทำได้ตามมาตรา 305 ด้วยเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งการทำแท้งไม่ควรเป็นอาชญากรรมแต่แรก
แต่ท้ายที่สุด กฎหมายมาตรา 301 ยังคงอยู่ แต่มีการเปลี่ยนแปลงข้อความโดยเป็น “มาตรา 301 หญิงใดทำให้ตนเองแท้งลูกหรือยอมให้ผู้อื่นทำตนให้แท้งลูกขณะมีอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ในขณะที่มาตรา 305 ในส่วนเพิ่มเติมคือ ให้หญิงที่มีอายุครรภ์ระหว่าง 12-20 สัปดาห์ทำแท้งได้โดยมีเงื่อนไขบางประการ
– 12 สัปดาห์ vs 20 สัปดาห์ –
ข้อถกเถียงที่เรียกว่าเป็นประเด็นใหญ่ของการแก้ไขร่างกฎหมายนี้คือเรื่อง ‘อายุครรภ์’ ในการยุติการตั้งครรภ์ควรอยู่ที่เท่าไหร่ ซึ่งการคำนึงถึงอายุครรภ์มาจากการที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยโดยให้คำนึงถึงสิทธิของผู้หญิงที่ตั้งครรภ์กับสิทธิของทารกในครรภ์ การกำหนดอายุครรภ์จึงกลายเป็นอีกประเด็นที่เกิดข้อถกเถียงขึ้น
ซึ่งรัฐบาลได้เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมาย (ป.อาญา) มาตรา 301 และมาตรา 305 นั้นได้เสนอไว้ที่ 12 สัปดาห์ โดยให้เหตุผลถึงการรักษาสมดุลระหว่าง ‘สิทธิในเนื้อตัวร่างกายของหญิง’ และ ‘สิทธิในการมีชีวิตของทารกในครรภ์’
จากแถลงการณ์ข้อเท็จจริงของ RSA Thai ได้กล่าวไว้ว่า ผลการศึกษาพบว่า การใช้ยายุติการตั้งครรภ์ที่อายุครรภ์ 12-20 สัปดาห์มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง มีอัตราการแท้งสมบูรณ์ในสองช่วงเวลาคือ 99.5% และ 98.6% แต่ควรให้บริการในสถานพยาบาลเพื่อดูแลอาการตกเลือดที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ พบว่าการยุติการตั้งครรภ์ทางการแพทย์ถึงอายุครรภ์ 21 สัปดาห์ มีความปลอดภัยมากกว่าการคลอดเมื่อครบกำหนดถึง 20-27 เท่า
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลอีกว่าจากฐานข้อมูลสายด่วน 1663 พบว่า 17.6% มีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ จึงอาจประมาณการได้ว่าผู้หญิงที่ทำแท้งเมื่ออายุครรภ์ 12 สัปดาห์ขึ้นไปมีราว 52,800 รายต่อปี
ซึ่งทาง RSA Thai ได้กล่าวว่าหากมองข้ามหรือละเลยหญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุครรภ์มากกว่า 12 สัปดาห์ ก็จะมีผู้หญิงจำนวนมากที่เข้าไม่ถึงการบริการยุติการตั้งครรภ์ที่ปลอดภัย และเป็นอันตรายต่อชีวิตของพวกเขา
นอกจากนี้ในการประชุมของ สภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 20 มกราคม พ.ศ.2564 ที่ผ่านมา ได้มีข้อถกเถียงถึงเรื่องนี้ โดย นพ.วาโย อัศวรุ่งเรือง ส.ส. พรรคก้าวไกล ชี้ว่าการกำหนดอายุไว้ที่ 12 สัปดาห์อาจก่อให้เกิดความคลาดเคลื่อนได้ กรณีที่ท้องแรก หรือท้องสาว จะมีลักษณะที่ปรากฏไม่ชัดว่าตั้งครรภ์อยู่ หญิงอาจยังไม่ทราบว่าตนเองท้อง
แต่ในขณะเดียวกัน พญ.วิบูลพรรณ ฐิตะดิลก ตัวแทนแพทยสภา ได้ให้ความเห็นแย้งและยืนยันว่าควรกำหนดอายุครรภ์ไว้ที่ 12 สัปดาห์ โดยกล่าวว่า เรื่องอายุครรภ์ 12 สัปดาห์ นอกจากสิทธิของหญิงและเด็ก อย่าลืมสิทธิของแพทย์ด้วย ในการยุติการตั้งครรภ์ เพื่อความปลอดภัยของหญิง จะต้อง ‘ทำแท้งสมบูรณ์’ ไม่มีการค้างของรกในมดลูก ไม่มีโอกาสตกเลือดตามมา ยิ่งทารกโต ยิ่งมีโอกาสทำแท้งไม่สมบูรณ์มากขึ้น
และ กลุ่มคุยกับผู้หญิงที่ทำแท้ง ได้แสดงความเห็นบนเฟซบุ๊กเพจว่า “ตัวแทนจากฝ่ายที่ยกร่างกฎหมาย หน่วยงานภาครัฐ และสถาบันที่สนับสนุนให้ทำแท้งในอายุครรภ์ภายใน 12 สัปดาห์ ไม่ใช่ผู้ปฏิบัติงานให้บริการยุติการตั้งครรภ์โดยตรง คนเหล่านี้สร้างให้เกิดความเข้าใจผิดกับสังคมว่า ทำแท้งในอายุครรภ์เกิน 12 สัปดาห์มีความเสี่ยงมาก ทั้งที่แพทย์ผู้ให้บริการยุติการตั้งครรภ์ และรายงานการวิจัยยืนยันว่า การยุติการตั้งครรภ์ปลอดภัยสามารถทำได้ถึงอายุครรภ์ 24 สัปดาห์”
แต่ล่าสุดวุฒิสภาได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.แก้ไขประมวลกฎหมายอาญา (ป.อาญา) มาตรา 301 และมาตรา 305 ว่าด้วยการยุติการตั้งครรภ์ โดยในฉบับนี้อนุญาตให้ผู้หญิงที่ตัดสินใจยุติการตั้งครรภ์ได้หากอายุครรภ์ไม่เกิน 12 สัปดาห์ ส่วนอายุครรภ์ระหว่าง 12-20 สัปดาห์ จะสามารถยุติการตั้งครรภ์ได้ภายใต้เงื่อนไขบางอย่าง ซึ่งต้องรอ ‘หลักเกณฑ์’ ที่ออกมาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องก่อน
– ‘ยุติการตั้งครรภ์’ ไม่เท่ากับ ‘ทำแท้งเสรี’ –
ที่ผ่านมา ในการเคลื่อนไหวเกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายยุติการตั้งครรภ์นั้น มีหลายคนที่อาจเข้าใจว่าการเรียกร้องให้ยกเลิกมาตรา 301 – 305 จะทำให้เกิดการ ‘ทำแท้งเสรี’
ซึ่งแท้จริงแล้วจุดประสงค์ของกลุ่มที่ต้องการให้ยกเลิกมาตรา 301 นั้นไม่ได้ต้องการให้เกิดการทำแท้งเสรี แต่อยากให้การยุติการตั้งครรภ์ไม่ใช่อาชญากรรม สืบเนื่องจากมาตรา 301 นั้นมีการกำหนดบทลงโทษแก่หญิงที่เข้ารับบริการยุติการตั้งครรภ์ ทำให้ผู้หญิงกลัวและไม่กล้าเข้าไปใช้บริการในสถานบริการที่มีการรับรองอย่างถูกกฎหมาย แพทย์หรือบุคลากรสาธารณสุขเองก็กังวลว่าตนเองจะโดนลงโทษไปด้วย จนไม่กล้าให้บริการ จนท้ายที่สุดก็เกิดปัญหาการไปเข้ารับบริการทำแท้งเถื่อนที่เป็นอันตรายต่อผู้หญิง
นพ.นิธิวัชร์ เรืองแสง จาก RSA Thai ให้สัมภาษณ์กับ The MATTER ว่า การทำแท้งเสรีนั้นยังไม่มีในโลก เพราะคำพูดนี้ จะเท่ากับว่าเปิดโอกาสให้การทำแท้งเกิดขึ้นผ่านใครก็ได้ ที่ไหนก็ได้ หรือใช้วิธีการใดก็ได้ ซึ่งนับเป็นเรื่องอันตราย แต่สิ่งที่ออกมาเรียกร้องคือการให้การยุติการตั้งครรภ์นั้นเป็นเรื่องถูกกฎหมาย ทำได้ และไม่ควรมีบทลงโทษซึ่งจะกลายเป็นการตีตราผู้หญิงที่เลือกเข้ารับบริการให้กลายเป็นคนผิด ทั้งๆ ที่ผู้หญิงควรมีสิทธิได้เลือกชีวิตของตนเอง ในช่วงอายุครรภ์ที่เหมาะสม ซึ่งแพทย์จะมีหน้าที่ช่วยแนะนำให้ หากไม่มีกฎหมายมาคอยจับตาลงโทษ
สุดท้ายแล้ว แม้ว่า ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อแก้ไขประมวลกฎหมาย (ป.อาญา) มาตรา 301 และมาตรา 305 จะได้ผ่านการเห็นชอบ และเตรียมออกเป็นกฎหมายอย่างเป็นทางการ
แต่ก็ยังมีบางอย่างเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องสิทธิในเนื้อตัวร่างกายของผู้หญิง ไปจนถึงความแตกต่างระหว่างการยุติการตั้งครรภ์กับการทำแท้งเสรี
ไม่รวมถึงการที่คนบางกลุ่มยังอ้างความเชื่อทางศีลธรรม เรื่องบาปบุญคุณโทษ โดยไม่ได้คำนึงถึงมิติอื่นๆ ทั้งด้านสังคม สุขภาพ เศรษฐกิจ ฯลฯ
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.senate.go.th/…/mSubject/Ext86/86323_0001.PDF
https://www.rsathai.org/contents/17600
https://thematter.co/…/why-we-should-stop…/115393
https://thematter.co/…/what-mp-think-about…/133560
#Brief #explainer #TheMATTER