เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งวันที่การอภิปรายไม่ไว้วางใจร้อนแรงที่สุด และกลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงตลอดทั้งวัน โดวันนี้ หากฝ่ายค้านสามารถจบการอภิปรายในวันนี้ได้ จะถือเป็นวันสุดท้าย ก่อนจะมีการโหวตลงคะแนนในวันพรุ่งนี้
การอภิปรายในวันนี้ (19 กุมภาพันธ์) ฝ่ายค้านงัดข้อมูลอะไรมาบ้าง ประเด็นไหนที่ประชาชนอย่างเราต้องรู้ แล้วฝ่ายรัฐบาลตอบอะไรกลับไปบ้าง? The MATTER ขอสรุปเนื้อหาการอภิปรายในวันนี้ มาให้ฟังกันนะ
1. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ถึงกรณีการที่กองทัพมีการใช้ยุทธวิธีข่าวสาร หรือ IO จากการที่กองทัพ มีการประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ระหว่างข้าราชการทหาร ในการจัดเตรียมหน่วยงาน เพื่อรับมือกับสถานการณ์ในช่วงเวลาก่อนที่ศาลรัฐธรรมนูญจะมีการยุบอดีตพรรคอนาคตใหม่ ตลอดจนการใช้กรมประชาสัมพันธ์ ในการทำ IO เพื่อโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง
2. หลังจากนั้น ในช่วงสาย รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ขึ้นอภิปรายต่อ ในประเด็น #ตั๋วช้าง โดยกล่าวถึงความไม่โปร่งใส ในการบริการงานด้านตำรวจของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นากยกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่เอื้อผลประโยชน์ให้แก่ตนเอง และพวกพ้อง โดยการแต่งตั้งเลื่อนขั้นตำรวจ ผ่าน ก.ตร. ซึ่งมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทำงานร่วมกับ ผบ.ตร. รวมถึงกรณีที่ พล.อ.ประวิตร เคยนั่งเก้าอี้คุมการพิจารณาการแต่งตั้งตำรวจ อาทิ กรณีที่มีความเกี่ยวข้องกับ พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สุวิมล ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้บังคับการตำรวจมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ 904 (ผบก.ตร.มหด.รอ.904) ในขณะนั้น
รังสิมันต์ ยังกล่าวถึงพฤติกรรมของ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.ประวิตร ในการยกเว้นหลักเกณฑ์ในการแต่งตั้งตำรวจ และมีการใช้ตั๋วช้าง ในการลัดการขึ้นตำแหน่ง โยกย้าย ซึ่งมีนายตำรวจหลายนายเกี่ยวข้องด้วย ก่อนที่เขาจะโดนประท้วงจนไม่สามารถอภิปรายในสภาจนจบได้ แต่รังสิมันต์เอง ก็ได้เปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจนอกสภาต่อจนจบด้วย
อ่านรายละเอียดการอภิปรายทั้งหมดได้ที่ : https://thematter.co/brief/136142/136142
3. พล.อ.ประยุทธ์ได้ขึ้นตอบในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า ตนแต่งตั้งบุคคลเข้ารับตำแหน่งตำรวจต่างๆ เป็นไปตามหลักเกณฑ์ และ พ.ร.บ.ตำรวจ พ.ศ.2547 การกล่าวหาว่าตำรวจที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้น ผู้ใต้บังคับบัญชาสามารถร้องทุกข์กล่าวโทษได้ โดยตนไม่สามารถสั่งการได้ทั้งหมด ถึงแม้ว่าตนจะนั่งเป็นหัวโต๊ะก็ตาม โดยกรณีการจ่ายค่าตั๋ว ตนไม่พบว่ามีใครมาร้องเรียน เห็นเพียงแต่การพูดคุยกันข้างนอก การทุจริตมีทั้งผู้รับและผู้ให้ การโทษว่าตนได้รับประโยชน์นั้น ก็สามารถพูดได้หมด ส่วนกรณีตำรวจหน่วยงานในพระองค์ฯ มีขึ้นเพื่อถวายพระเกียรติ จึงต้องมีการคัดเลือกให้เหมาะสม ผู้ที่ไม่ได้รับการคัดเลือกก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่เดิม ไม่ได้ถูกลงโทษ
4. หลังจากความร้อนแรงของประเด็นตั๋วช้าง ศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรอุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย ได้ขึ้นอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อ พล.อ.ประยุทธ์ จากกรณีการล็อกสเป็กซื้อรถถัง และรถบัส ของกองทัพบก รวมไปถึงการเอื้อผลประโยชน์ให้นายทุนผูกขาด ทั้งด้านการดำเนินธุรกิจ การอนุมัติสัมปทาน และเอื้อการถือที่ดิน ทั้งนี้ ศรัณย์วุฒิกล่าวเพิ่มเติมว่า พล.อ.ประยุทธ์ นำสถาบันฯ ลงมาอยู่ท่ามกลางความขัดแย้งทางการเมือง ด้วยการดำเนินการคดี มาตรา 112 ต่อประชาชน
5. มิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ อภิปรายไม่ไว้วางใจในประเด็นหัวข้อทางเศรษฐกิจ ต่อ พล.อ.ประยุทธ์ว่า ล้มเหลวในการบริหารเศรษฐกิจ ล้มเหลวการแก้ไขปัญหา COVID-19 ล้มเหลวการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่น เอื้อนายทุน และยาเสพติด ตลอดจนความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน
มิ่งขวัญยังพูดถึงประเด็นที่ไทย ถูกสหรัฐฯ ตัดสิทธิพิเศษทางการค้า GSP จำนวน 2 ครั้ง หลังจากที่รัฐบาลมีนโยบายใกล้ชิดกับจีนมากเกินไป รวมไปถึงการไม่สามารถควบคุมค่าครองชีพของประชากร กู้เงิน และขาดดุลเป็นจำนวนมาก ทั้งมาตรการเยียวยาของรัฐบาล ยังเป็นการทำแอพฯ และให้ประชาชนต้องชิงโชคกันเองด้วย ขณะที่ประเด็นวัคซีนนั้น ก็ชี้ว่า รัฐบาลล้มเหลว และล่าช้าในการจัดหาวัคซีนให้ประชาชน
6. วิสาร เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เพื่อไทย ได้อภิปรายถึงประเด็นบ้านพักของทหาร ในจังหวัดเชียงราย การปล่อยให้มีการทุจริต ใช้งบประมาณไม่รอบคอบ ในการจัดซื้อโซลาเซลล์ในจังหวัดเชียงราย และแม่ฮ่องสอน ทั้งยังมีประเด็นการรับค่าหัวคิวในโครงการต่างๆ ที่ไม่โปร่งใส
7. นิคม บุญวิเศษ หัวหน้าพรรคพลังปวงชนไทย ได้ขึ้นอภิปรายต่อ โดยกล่าวถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ร่วมกันสมคบคิดแย่งอำนาจไปจากประชาชน เอื้อกลุ่มนายทุน และปล่อยให้เกิดการทุจริตในหลายโครงการ การแก้ไขกฎหมายปฏิรูปที่ดิน ไปถึงการที่ พล.อ.ประวิตร มีการทำผิดกฎหมาย รับเหล็กไหลเป็นของขวัญวันเกิด ซึ่งมีราคาเกิน 3,000 บาท จาก คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.พรรคพลังไทยรักไทย
8. ภายหลัง พล.อ.ประวิตร ได้ลุกขึ้นชี้แจงในประเด็นนี้ โดยกล่าวแค่ว่า “ผมได้ฟังการอภิปรายของสมาชิกผู้ทรงเกียรติแล้ว ท่านพูดทั้งหมดแล้วไม่เป็นความจริงเลย ขอบคุณครับ” ก่อนจะเดินออกจากที่ประชุมทันที ซึ่ง ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ก็ได้ขึ้นชี้แจงต่อ ถึงการปฏิรูปที่ดินว่า เป็นการเปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับนวัตกรรมใหม่ๆ และการทำงานของตนมีเพียงต้องการให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนเท่านั้น
9. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ได้ร่วมอภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ใช้อำนาจตั้งแต่ยุค คสช.แทรกแซง กสทช. และช่อง MCOT แต่งตั้งบุคคลเข้าไปนั่งตำแหน่งต่างๆ ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส รวมถึงหลังต้องชดเชยเงินให้ MCOT จากการเรียกคืนคลื่น 2600MHz เป็นเงินจำนวน 3,235 ล้านบาท มีการแบ่งให้เอกชนที่เป็นคู่สัญญาครึ่งหนึ่ง หรือ 1,617 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นเงินภาษีของประชาชนด้วย
10. ผู้อภิปรายคนสุดท้าย ของพรรคก้าวไกล คือ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค ที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ พล.อ.ประยุทธ์ว่า บริหารประเทศล้มเหลว บกพร่อง เอื้อนายทุน และพวกพ้องของตนเอง รวมถึงใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือ หากใครตั้งคำถาม หรือวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลก็ถูกดำเนินคดี ทั้งในฐานะ รมต.กลาโหม ยังปล่อยให้มีการทุจริตในกองทัพ มีทหารที่ถูกซ้อมจนเสียชีวิต และใช้ IO ของรัฐบาล ไปถึงการสร้างนิคมอุตสาหกรรมจะน๊ะ ที่เป็นการทำลายทรัพยากรธรรมชาติ และการแทรกแซงการดำเนินคดีของบอส อยู่วิทยา
“พล.อ.ประยุทธ์ไม่เข้าใจหลักการของประชาธิปไตย ที่มีกษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงการปฏิบัติของ นายกฯ ที่สร้างความเสื่อมเสียให้กับสถาบัน” พิธากล่าว โดยชี้ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ว่า พล.อ.ประยุทธ์ได้ทำลายความสัมพันธ์อันดีระหว่างกษัตริย์ และประชาชน นำกษัตริย์มาปิดบังความผิดพลาด ล้มเหลวของตนเอง ซึ่งหากเชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขนั้น ต้องใช้ระบบรัฐสภา แบ่งแยกประมุขของรัฐออกจากรัฐบาล ซึ่งแม้กษัตริย์ไม่มีอำนาจทางบริหาร แต่มีอำนาจผ่านทางรัฐธรรมนูญ
พิธา ยังชี้แจงถึงการใช้กฎหมาย ม.112 ว่า ไม่เชื่อว่าการใช้กฎหมายนี้พร่ำเพรื่อจะเป็นผลดีกับประชาชน และนายกฯ ที่ดี ต้องปกป้องสถาบัน หากมีเหตุให้พระราชอำนาจเกินกว่ารัฐธรรมนูญ นายกฯ ต้องเป็นผู้เสนอทางเลือก และไม่อ้างสถาบันพร่ำเพรื่อ เพื่อหาเสียงให้ตัวเอง และที่สำคัญที่สุดต้องเชิดชูสถาบันให้อยู่เหนือการเมือง ซึ่งพิธายืนยันว่า หากจะทำให้ประเทศเดินหน้าได้ ต้องไม่ยกมือไม่ไว้วางใจ ประยุทธ์ ออกจากการเป็นนายกฯ
#Recap #TheMATTER