สวัสดิการและการจัดเก็บภาษีที่เท่าเทียม ยังคงเป็นเรื่องสำคัญในหลายรัฐ ล่าสุด นิวซีแลนด์เพิ่งประกาศเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำ และขึ้นภาษีคนรวย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้กับคนทุกคนในประเทศในวันพรุ่งนี้ (1 เมษายน)
การประกาศนโยบายในครั้งนี้ จะเริ่มประกาศใช้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป โดยจะทำให้นิวซีแลนด์ มีค่าแรงขั้นต่ำเพิ่มไปอยู่ที่ 20 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 600 บาท) รวมถึงการขึ้นภาษีคนรวยไปอยู่ที่ 39 เปอร์เซ็นต์
รัฐบาลนิวซีแลนด์เล็งเห็นว่า การประกาศนโยบายดังกล่าว จะมีผลโดยตรง ด้วยการขึ้นค่าแรงต่อชั่วโมง ชั่วโมงละ 1.14 เหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 36 บาท) ต่อแรงงานทั้งหมด 175,500 คนทั่วทั้งประเทศ รวมถึงจะเป็นการจ่ายค่าแรง ในระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นไปถึง 216 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ประมาณ 6,800 ล้านบาท)
นอกจากการขึ้นค่าแรงของแรงงานแล้ว ในส่วนของการเก็บภาษีคนรวยนั้น จะมีการเรียกเก็บกับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 180,000 เหรียญต่อปี (ประมาณ 5.6 ล้านบาท) ทั้งนี้ การขึ้นภาษีคนรวยของนิวซีแลนด์จะมีผลบังคับใช้ ต่อคนโดยประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ ที่จัดอยู่ในผู้ที่มีฐานะมั่งคั่งของพลเมืองนิวซีแลนด์
จากรายงานของ OECD ระบุว่า แต่เดิมที นิวซีแลนด์เป็น 1 ใน 5 ประเทศ ที่มีค่าแรงขั้นต่ำสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ จะมีผลต่อแรงงานทั่วประเทศ ซึ่งหมายรวมถึงบุคลากรที่ทำงานในสนามบิน และตามชายแดน ตลอดจนบุคลากรด่านหน้า ที่ทำหน้าที่ป้องกันผู้คนจากการแพร่ระบาดของ COVID-19 ด้วยเช่นกัน
จาซินดา อาร์เดิร์น (Jacinda Ardern) นายกรัฐมนตรีของนิวซีแลนด์ ได้ออกมาแถลงถึงนโยบายดังกล่าวว่า เป็นการทำตามสัญญาให้กับประชาชนของตนเอง ตามที่เธอได้เคยหาเสียงเอาไว้ก่อนการเลือกตั้ง “มันยังมีอีกหลายอย่างที่เราจะต้องทำ สร้างบ้านเพิ่มขึ้น พัฒนาระบบสาธารณสุขของเรา ลงทุนในระบบการศึกษา ฝึกฝนและเพิ่มโอกาสในการมีงานทำ” อาร์เดิร์นกล่าวเสริมถึงนโยบาย ที่จะมีตามมาในอนาคต
ถึงแม้ว่าจะมีเสียงค้าน จากพรรคฝ่ายค้านของนิวซีแลนด์ว่า นโยบายของอาร์เดิร์นในการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำในครั้งนี้ ไม่ต่างอะไรไปจากการทำลายธุรกิจเล็กๆ ของนิวซีแลนด์ แต่รัฐบาลของอาร์เดิร์น ยังคงยืนยันที่จะเดินหน้าเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำของแรงงาน และขึ้นภาษีของคนรวยในประเทศต่อไป เพื่อทำให้ประชาชนในนิวซีแลนด์เข้าถึงความเท่าเทียมทางเศรษฐกิจให้ได้มากที่สุด
“ฉันได้ยินหลายคนแนะนำให้มีการลดวันทำงานลงเหลือ 4 วันต่อสัปดาห์… แต่ถึงที่สุดแล้ว มันคือการที่ผู้จ้าง และผู้รับจ้างต้องมานั่งพูดคุยกัน แต่อย่างที่ฉันพูดไป เราเรียนรู้อะไรมากมายจาก COVID-19 และการยืดหยุ่นในการทำงานที่บ้าน ประสิทธิภาพในการทำงานสามารถถูกขับดันได้จากประสบการณ์เหล่านี้” อาร์เดิร์นกล่าวเสริม
อ้างอิงจาก
https://stats.oecd.org/Index.aspx?DataSetCode=RMW
#Brief #TheMATTER