วิดีโอเจ้ากระต่ายราล์ฟในสภาพสะบักสะบอม ที่ถูกนำไปทดลองผลิตภัณฑ์สินค้าให้มนุษย์ใช้ ได้แพร่กระจายในโซเชียลอย่างรวดเร็ว จนแฮชแท็ก #SaveRalph ขึ้นเทรนด์ทั่วโลก เพื่อรณรงค์ให้ยุติการใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ผ่านการทดลองกับสัตว์
อย่างที่รู้กันว่าไม่ได้มีเพียงกระต่ายราล์ฟตัวเดียว ที่ต้องเผชิญหน้ากับชะตากรรมเช่นนี้ จากข้อมูลสติถิของ Alternatives to Laboratory Animals (ATLA) เปิดเผยว่า นับตั้งแต่ปี ค.ศ.2015 – 2020 มีการนำสัตว์มาทดลองมากกว่า 1 พันล้านครั้งทั่วโลก โดยนักวิทยาศาสตร์ของ ATLA ระบุว่าในแต่ละปี จะมีสัตว์ราวๆ 192 ล้านตัว ถูกนำมาทดลองทั้งในส่วนของผลิตภัณฑ์ และยารักษาโรคต่างๆ
ในวิดีโอหนังสั้นเรื่อง Save Ralph เจ้ากระต่ายทดลองเล่าว่า ครอบครัวของเขา ทั้งพ่อแม่ พี่น้อง ลูกๆ เพื่อนๆ หรือแม้แต่ตัวเขาเอง จะต้องจบชีวิตลงในห้องทดลอง ซึ่งส่วนใหญ่สัตว์ที่ถูกนำมาทดลองจะมีจุดจบเช่นเดียวกับครอบครัวกระต่ายของราล์ฟ สำนักข่าว Haaretz ของอิสราเอลได้เปิดเผยสถิติการรอดชีวิตของสัตว์ทดลอง โดยระบุว่า มีสัตว์เพียง 3% หรืออาจจะน้อยกว่านั้น ที่รอดชีวิตจากการทดลอง ขณะที่อีก 97% จากไปในระหว่างในทดลอง หรือได้รับการการุณยฆาต
องค์กร Cruelty Free International ซึ่งเป็นกลุ่มคุ้มครองและรณรงค์ให้ยกเลิกการทดลองสัตว์ เปิดเผยว่า ประเทศที่มีการทดลองในสัตว์มากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ จีน ญี่ปุ่น และสหรัฐอเมริกา โดยองค์กรต่อต้านความเจ็บปวดจากการทรมานในสัตว์ (International Association Against Painful Experiments on Animals : IAAPEA) ระบุว่า จีนเป็นประเทศที่มีการทดลองในสัตว์มากที่สุดในโลก ซึ่งยึดครองสัดส่วนราวๆ 75% โดยสัดส่วนดังกล่าวคาดการณ์ถึงตัวเลขที่ไม่มีการเปิดเผยในรายงานด้วย
หนึ่งในสาเหตุที่จีนถูกรายงานว่าเป็นประเทศที่มีการทดลองกับสัตว์มากที่สุดก็เพราะที่ผ่านมา จีนมีข้อกฎหมายบังคับว่า เครื่องสำอางแบรนด์ที่ขายในประเทศจะต้องผ่านการทดลองกับสัตว์เพื่อความปลอดภัยของผู้ใช้งาน อย่างไรก็ตาม จีนได้ประกาศยกเลิกกฎหมายดังกล่าวแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ ดังนั้นในอนาคต คาดว่าการทดลองในสัตว์จะค่อยๆ ลดลง เนื่องจากตั้งแต่ปี ค.ศ.2009 สหภาพยุโรปห้ามนำเข้าและขายเครื่องสำอางที่ใช้สัตว์ทดลองส่วนผสม ขณะที่สหรัฐฯ เองก็มีกระแสต่อต้านมากขึ้นเรื่อยๆ
ทั้งนี้ นักรณรงค์หลายคนยอมรับว่าการยุติใช้สัตว์ในการทดลองอย่างถาวร เป็นกระบวนการที่ต้องค่อยเป็นค่อยไป และไม่สามารถยกเลิกได้ในทันที โดยเฉพาะในส่วนของยารักษาโรค และวัคซีนต่างๆ เนื่องจากจะส่งผลกระทบถึงความปลอดภัยในหลายๆ ด้าน
ดังนั้นหลายฝ่ายจึงหันมาเรียกร้องให้การทดลองต้องเป็นไปตามหลักจริยธรรม และสัตว์ทดลองต้องเจ็บปวดน้อยที่สุด รวมถึงเรียกร้องให้เร่งหาแนวทางใหม่ เพื่อมาทดแทนจากใช้สัตว์ในการทดลอง นอกจากนี้ ผู้ใช้โซเชียลมีเดียบางส่วนยังรณรงค์ให้เลิกใช้ผลิตภัณฑ์เสริมความงามที่ผ่านการทดลองจากสัตว์ เนื่องจากมองว่า ‘No animal should suffer and die in the name of beauty’
สำหรับใครที่อยากชมวิดีโอหนังสั้น Save Ralph (Trigger Warning : การทารุณกรรมสัตว์) สามารถตามไปดูได้ที่ : https://www.youtube.com/watch?v=G393z8s8nFY&t=59s
อ้างอิงจาก
https://frame.org.uk/the-issue/latest-statistics/
https://beautyandkind.com/cosmetic-animal-testing…/
https://www.crueltyfreeinternational.org/…/facts-and…
https://www.veganfoodandliving.com/…/china-ends…/
https://www.ecomundo.eu/…/animal-testing–chinese…