เว็บไซต์แคมเปญ Change.org กลับมาใช้ในไทยได้อีกครั้งแล้ว! หลังหายหน้าหายตาไปเกินครึ่งปี เพราะถูกคำสั่งปิดกั้นการเข้าถึงในเมืองไทยจากศาล ที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเป็นผู้ร้องขอ ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ.2563 ที่ผ่านมา
.
แต่หลังจากทีมงาน Change.org สู้คดีอยู่หลายเดือน ล่าสุด ศาลก็มีคำสั่งยกเลิกการปิดกั้นเว็บไซต์ โดยให้เหตุผลว่า “เพื่อคุ้มครองเสรีภาพในการติดต่อสื่อสาร ซึ่งเป็นสิทธิเสรีภาพของประชาชนตามรัฐธรรมนูญไทย” พร้อมกับแจ้งการเกิดใหม่ผ่านเพจเฟซบุ๊ก ที่มาพร้อมแฮชแท็ก #ChangeOrgรีเทิร์น #เพิ่มเติมคือฆ่าไม่ตาย
.
ทาง Change.org แจ้งว่า ตลอด 8 ปีที่ผ่านมา พื้นที่แห่งนี้ค่อยๆ เติบโตขึ้นในไทย จนวันนี้มีสมาชิกผู้ใช้งานเกือบ 5 ล้านคนในประเทศ (438 ล้านคนทั่วโลก) โดยเว็บไซต์นี้ได้กลายเป็นแพล็ตฟอร์มที่ช่วยให้คน ‘ตัวเล็ก ธรรมดา เสียงเบา’ ที่อาจไม่รู้จะหันหน้าไปทางไหน ได้เสนอทางออก แล้วชวนให้คนอื่นๆ ร่วมเป็นปากเป็นเสียง จนเสียงดังขึ้นมา ซึ่งที่ผ่านมาสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ในหลายๆ เรื่อง
อาทิ
– ทำให้การครอบครองสื่อลามกเด็กผิดกฎหมาย
– ผ่าน พ.ร.บ.คุ้มครองสัตว์ฉบับแรกในไทย
– ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบซีเข้าถึงยาที่จำเป็น
– บริษัทเอกชนหยุดการเลือกปฏิบัติในการรับบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศเข้าทำงาน
– คืนศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ปลดร่าง ‘ซีอุย’ ออกจากพิพิธภัณฑ์
– หรือผลักดันให้สัตว์หายากใกล้สูญพันธ์อย่าง วาฬบรูด้าและนกชนหิน ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสัตว์ป่าสงวน
.
น่าสนใจเหมือนกันว่า การกลับมาใช้ได้อีกครั้งของ Change.org ในเมืองไทย จะสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรให้เกิดขึ้นได้อีกบ้าง
.
ขณะเดียวกัน ก็น่าสนใจเหมือนกันว่า นโยบายการขอให้ศาลปิดกั้นการเข้าถึงเว็บไซต์และแพล็ตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ ของกระทรวงดิจิทัลฯ จะมีทิศทางอย่างเป็นอย่างไร ภายใต้รัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่ง
#Brief #TheMATTER