ภาพของอาม่า 3 คน ที่ติดเชื้อ COVID-19 เป็นเวลาหลายวัน แต่ไม่ได้รับการรักษา จน 1 ในนั้นเสียชีวิตลง เป็นภาพที่กลายเป็นไวรัลขึ้นมา ซึ่งสะท้อนปัญหาเตียงไม่เพียงพอ การเข้าถึงโรงพยาบาลที่ไม่ทันการ กรณีของอาม่านี้ ไม่ใช่กรณีแรก และกรณีเดียวที่เกิดขึ้นในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หากแต่ว่ามีหลายครอบครัว ที่ประสบปัญหานี้ ทำให้จากผู้ติดเชื้อคนเดียวในบ้านที่รอคอยการรักษา กลายเป็นติดกันทั้งครอบครัวก็มี
The MATTER พูดคุยกับผู้ติดเชื้อรายหนึ่ง ซึ่งรอเตียง และรอรับการรักษามา 4 วันแล้ว โดยเขาเล่าว่า ตนเข้าไปตรวจที่รถพระราชทานวันที่ 17 เมษายน และได้รับแจ้งผลทางโทรศัพท์ในวันที่ 19 เมษายนว่าพบเชื้อ “หลังจากได้รับแจ้ง เราก็โทรหา 1330 เพื่อสอบถามเรื่องเตียง ซึ่งก็แนะนำให้เราโทรไป 1668 และ 1669 แล้วเราก็ไปลงทะเบียนในไลน์ สบายดีบอทอีกช่องทางนึงด้วย” แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็บอกว่า ช่องทางการติดต่อของภาครัฐไม่ช่วยอำนายความสะดวกเลย “ช่องทางภาครัฐเน้นการโทร ซึ่งโทรติดยาก และเมื่อมีอาการไอด้วย เวลาพูดมากๆ จึงไม่สะดวกเข้าไปอีก” เขาเล่า
เขายังบอกกับเราอีกว่า สถานการณ์ในตอนนี้ เจ้าหน้าที่แจ้งว่าประสานงานมีคอขวด จึงทำให้ได้เตียงช้า แต่จะเร่งประสานงานให้ต่อไป “ซึ่งก็โทรมาแจ้งแบบนี้ทุกวันจนชินแล้ว” ทั้งเมื่อเจ้าหน้าที่โทรมายังพบว่า ไม่มีการบันทึกข้อมูลที่เคยพูดคุยกันไว้ และทำการถามคำถามเดิมซ้ำๆ ทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นคำถามว่า ได้เตียงหรือยัง หรือให้ยืนยันที่อยู่ใหม่ทุกครั้ง ซึ่งตนต้องตอบใหม่ทุกครั้ง ท่ามกลางอาการไอ ที่แทบจะไม่มีเสียงพูดคุยแล้ว
ในฐานะผู้ป่วย ที่รอคอยการรักษา เขาสะท้อนสิ่งที่ตนพบระหว่างการรอเตียงว่า “หน่วยงานรัฐไม่มีการเชื่อมโยงข้อมูลที่ดีระหว่างกันเลย แต่ละหน่วยงานทำงานเฉพาะหน้าของตัวเอง ระบบไม่มีความพร้อมและไม่มีแผนงานที่มีศักยภาพ ทำให้ต้องเสียเวลาทำงานซ้ำๆ โดยไม่จำเป็น” และ “รัฐบาลล้มเหลวโดยสิ้นเชิง มีเวลาเตรียมการรับมือถึงหนึ่งปีเต็ม แต่พอถึงวิกฤตกลับพังไม่เป็นท่า รัฐบาลต้องยอมรับความจริงถึงสิ่งที่ทำได้และทำไม่ได้ แล้ววางแผนใช้ทรัพยากรที่มีให้คุ้มค่า ไม่ใช่ดันทุรังบอกว่ายังควบคุมได้ ยังมีเตียงเหลือ ทั้งๆ ที่สิ่งที่ผู้ป่วยประสบมันไม่ใช่”
ถึงอย่างนั้น เขาอาศัยอยู่ในคอนโดคนเดียว ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องการกักตัว โดยมีทางนิติได้ช่วยเหลือโดยให้รปภ. อำนวยความสะดวกเอาอาหารที่มาส่ง ขึ้นมาวางไว้ให้หน้าห้อง ไม่ต้องลงไปรับเอง แต่กับหลายครอบครัว ที่อาศัยอยู่ร่วมกันหลายคนนั้น ยังประสบปัญหาเพิ่มเติมที่ไม่สามารถกักตัวคนเดียวได้ เมื่อพบเชื้อ ทำให้กระจายเชื้อไปในครอบครัว โดยนอกจากกรณีอาม่าแล้ว ยังพบอีกหลายกรณี ที่รวมถึงรอรับการรักษาจนเสียชีวิตแล้ว ซึ่งก็บอกกับสื่อเช่นกันว่าโทรหาทุกเบอร์ของโรงพยาบาล แต่ไม่มีคนรับสาย
สถานการณ์ที่เกิดขึ้น สอดคล้องกับที่ นพ.ศุภโชค เกิดลาภ อายุรแพทย์โรคติดเชื้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี โพสต์ผ่านเฟซบุ๊กอัปเดตสถานการณ์สัปดาห์ที่ 2 เข้า 3 ของการระบาดระลอกใหม่ว่า “ผู้ป่วยที่รับใหม่เริ่มเป็นวง 2 หมดแล้ว เป็นผู้สูงอายุ พ่อ แม่ ปู่ ยา ตายาย มี co-morbid มากๆ แถมบางคนเป็นผู้ป่วยติดเตียง ด้วย” โดยคุณหมอยังพูดถึงสถานการณ์ขาดแคลนเตียงว่า “คนไข้เก่าขยับไม่ออก คนไข้ใหม่ก็เข้ามาไม่ได้ เกิดปรากฏการณ์คอขวดขึ้นมา”
“คนไข้ที่รออยู่บ้าน ซึ่ง 40-50% จะเกิดปอดบวมหรือปอดอักเสบ มีคนไข้บางส่วนที่เริ่มเหนื่อย และได้รับการแอดมิตช้า (DOI 8-9) และดีเลย์ทรีตเมนต์ ทำให้คนไข้อาการหนักมาตั้งแต่แรกรับ และต้องเข้าอินเตอร์มีเดียต / ไอซียูมากกว่าเดิม เปิดเพิ่มเท่าไรก็ไม่พอ (เพราะมีแต่เตียง ไม่มีคนพอ เราเรียกเตียงทิพย์)” ทั้งคุณหมอยังอัพเดตถึงกรณีบุคลากรทางการแพทย์ต้องกักตัว ติดเชื้อ ทำให้เกิดการขาดแคลน และอาจขาดแคลนยาด้วย
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) หรือ ศบค. ก็ได้ให้สัมภาษณ์ในวันนี้ว่า จากยอดผู้ติดเชื้อที่มากขึ้นเรื่อยๆนั้น “มีผลกระทบแน่นอน เรายังไม่รู้ว่าจุดที่เป็นปลายทางจะเป็นอย่างไร นี่คือการประเมินสถานการณ์ในภาวะที่มีวิกฤตรุนแรงมาก ๆ ต้องทำอย่างไร” ทั้งยังยอมรับว่าหากผู้ติดเชื้อมากกว่า 1,500 รายต่อวัน จำนวนเตียงไอซียูที่เหลืออยู่จะใช้ได้เต็มที่ในอีก 6-8 วันข้างหน้า จึงจะเร่งมาตรการอย่างการเบ่งเตียง เพิ่มเตียงในสถานที่เดิม ขยายหอผู้ป่วยรอรับ COVID-19 และอาจจะสร้างไอซียูสนามด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/nungtoxic/posts/4005629629475672
https://www.thairath.co.th/news/local/bangkok/2075420
https://www.bbc.com/thai/thailand-56855872
#Brief #TheMATTER