ยังเป็นที่ถกเถียงกันมาจนถึงปัจจุบัน สำหรับกรณีการเกิดลิ่มเลือดหลังฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ที่ผ่านมามีทั้งประเทศที่อนุมัติให้ใช้ต่อ และประเทศที่เลือกยุติการฉีดวัคซีนดังกล่าว ซึ่งล่าสุด รัฐบาลสหราชอาณาจักรเปิดเผยว่า จะหลีกเลี่ยงการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าให้ประชาชนที่มีอายุต่ำกว่า 40 ปี เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเกิดลิ่มเลือด
คณะกรรมการวัคซีนและภูมิคุ้มกัน (JCVI) กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (7 พฤษภาคม) ว่าประชาชนที่มีอายุ 18-39 ปี ควรรับวัคซีนชนิดอื่นแทนแอสตร้าเซนเนก้า เนื่องจากมีรายงานว่า ผู้ฉีดแอสตร้าเซนเนก้าที่อายุน้อยมีแนวโน้มเกิดลิ่มเลือดอุดตันมากกว่าผู้ที่มีอายุมาก แต่ถึงเช่นนั้นในความเป็นจริง โอกาสที่จะเกิดอาการข้างเคียงดังกล่าวก็ยังต่ำมากอยู่ดี
คำแนะนำใหม่นี้ เกิดขึ้นหลังจำนวนผู้ติดเชื้อในสหราชอาณาจักรลดน้อยลง พร้อมๆ กับจำนวนผู้ได้รับวัคซีนเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับขณะนี้สหราชอาณาจักรมีตัวเลือกวัคซีนอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น ไฟเซอร์ หรือโมเดอร์นามากพอ จึงไม่จำเป็นต้องให้ประชาชนที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง (แม้จะเพียงเล็กน้อยก็ตาม) รับวัคซีนที่อาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
เว่ย เชนลิม (Wei Shen Lim) ประธานคณะอนุกรรมการ COVID-19 ของ JCVI ระบุว่า เนื่องจากการระบาด COVID-19 อยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ ดังนั้นเราจึงขอแนะนำให้ประชาชนอายุระหว่าง 18-39 ปี ที่มีสุขภาพดี ไม่มีโรคประจำตัว รับวัคซีนชนิดอื่นแทนแอสร้าเซนเนก้า ตราบใดที่วัคซีนอื่นๆ ยังมีให้บริการ และไม่ทำให้การฉีดวัคซีนล่าช้าจนเกินไป
เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา หน่วยงานกำกับดูแลยาและผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพ ( MHRA) เตือนให้ประชาชนที่อายุต่ำกว่า 30 ปี รับวัคซีนอื่นแทนแอสร้าเซนเนก้า หลังจากพบว่าช่วงเดือนมีนาคม มีผู้ที่รับวัคซีนดังกล่าวจำนวน 79 คน เกิดอาการลิ่มเลือดอุดตัน และมี 19 รายที่เสียชีวิต แต่ตัวเลขนี้ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่ค่อนข้างต่ำ เพราะมีการฉีดวัคซีนมากกว่า 20 ล้านครั้ง เท่ากับว่าอัตราการเกิดลิ่มเลือดอยู่ที่ 4 คนใน 1 ล้าน และอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ 1 คนใน 1 ล้าน
ทั้งนี้ จากการประเมินล่าสุด พบว่าอัตราความเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือดอยู่ที่ 10.5 คนใน 1 ล้าน ส่วนอัตราการเสียชีวิตจากอาการข้างเคียงอยู่ที่ 2.1 คนใน 1 ล้าน แต่อัตราเสี่ยงในการเกิดลิ่มเลือด และเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นเป็น 17.4 คนต่อ 1 ล้าน และ 4.5 คนต่อ 1 ล้าน ตามลำดับ สำหรับผู้ฉีดที่มีอายุระหว่าง 30-39 ปี ดังนั้น หากเป็นไปได้รัฐบาลต้องการให้ประชาชนที่มีอายุอยู่ในช่วงเกณฑ์นี้เลี่ยงไปใช้วัคซีนตัวอื่น
อย่างไรก็ดี หากใครที่ฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าไปแล้ว 1 เข็ม และไม่พบอาการข้างเคียงใดๆ ก็สามารถฉีดต่อได้ เนื่องจากโจนาธาน แวนตัม (Jonathan Van-Tam) รองหัวหน้าเจ้าหน้าที่การแพทย์ ย้ำว่าการฉีดวัคซีนอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งสำคัญ และที่ผ่านมาวัคซีนชนิดนี้ถูกใช้ในการช่วยชีวิตคนมากมายให้ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากมาแล้ว
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/…/people-under-40-in-uk-to…
https://www.reuters.com/…/uk-advises-under-40s-take…/