สาธารณสุขไทยเข้าใกล้เส้นวิกฤตเต็มที เตียงขาดแคลน ผู้ป่วยเสียชีวิตที่บ้านโดยที่ยังไม่ได้รักษา บุคลากรแพทย์ที่ฉีดวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็ม ก็ยังติดเชื้อกันเรื่อยๆ เมื่อช่วงคืนที่ผ่านมา จึงเกิดกระแสเรียกร้องให้รัฐฉีดวัคซีน Pfizer กระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับทีมแพทย์และพยาบาล ผ่านแฮชแท็ก #ฉีดPfizerให้บุคลากรการแพทย์
กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ขึ้นมาในชั่วข้ามคืน หลังหลายสำนักข่าว เช่น ไทยรัฐ มติชน สปริงนิวส์ เปิดเผยเอกสารบันทึกการประชุมเฉพาะกิจเกี่ยวกับการจัดการวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดสที่สหรัฐฯ ส่งมอบใ้ห้กับไทย ซึ่งหนึ่งในนั้นมีการเสนอให้นำวัคซีนมาฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้กับบุคลากรด่านหน้าที่ฉีด Sinovac ไปแล้ว 2 เข็ม
แต่แล้วกลับมีความเห็นหนึ่งในที่ประชุมที่ระบุว่า “ถ้าเอา (Pfizer) มาฉีดให้กับกลุ่มที่ 3 (บุคลากรแพทย์) แสดงว่าเรายอมรับว่า Sinovac ไม่มีผลในการป้องกัน และจะแก้ตัวยากขึ้น” ความเห็นดังกล่าว ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงการตั้งคำถามถึงแนวทางจัดสรรวัคซีน และประสิทธิภาพ Sinovac ที่ใช้ฉีดให้บุคลากรด่านหน้า จนแฮชแท็ก #ฉีดPfizerให้บุคลากรการแพทย์ ขึ้นเทรนด์อย่างต่อเนื่องในช่วงคืนที่ผ่านมา
ในแฮชแท็กดังกล่าว ได้มีการเรียกร้องให้รัฐแบ่งวัคซีน Pfizer ที่ได้จากสหรัฐฯ มาฉีดกระตุ้นเข็มที่ 3 ให้แพทย์ หลังก่อนหน้านี้มีรายงานว่าแพทย์หลายคนติดเชื้อ COVID-19 แม้จะฉีดวัคซีน Sinovac ครบ 2 เข็มแล้ว ประกอบกับผลตรวจภูมิพบว่า หลังฉีดครบ 2 เดือน ภูมิคุ้มกันจาก Sinovac ลดลงไปเกือบ 30% ทำให้ไม่สามารถต้านทาน COVID-19 กลายพันธุ์ได้
ขณะที่แพทย์หลายคนก็บอกมาแสดงความเห็นถึงประเด็นนี้ เช่น รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ระบุว่า หากเอกสารที่หลุดออกมาเป็นของจริง ก็เป็นหลักฐานยืนยันว่ากลไกนโยบายระดับกระทรวงเป็นปัญหา จำเป็นต้องรื้อกลไกนโยบายทั้งเรื่องวัคซีนและการควบคุมป้องกันโรค ทั้งวงบริหารและวงวิชาการทั้งหมดที่เกี่ยวข้อง
นพ.อำนาจ กุสลานันท์ กรรมการแพทยสภา อดีตนายกแพทยสภา ก็ออกมาเรียกร้องให้รัฐพิจารณาจัดสรรวัคซีน Pfizer ให้บุคลากรแพทย์ โดยระบุว่า บุคลากรทางการแพทย์ด่านหน้า เป็นผู้ที่มีความเสี่ยงสูงสุดที่จะได้รับเชื้อ รวมทั้งเป็นบุคลากรที่มีความสำคัญมากที่สุด ดังนั้นการป้องกันการติดเชื้อในบุคลากรกลุ่มนี้จึงมีความสำคัญอยากมาก และจำเป็นเร่งด่วนเพื่อประคองให้ผ่านพ้นวิกฤตินี้ไปให้ได้
ขณะที่ ดร.รักไทย บูรพ์ภาค อนุกรรมการประจำคณะกรรมาธิการการพลังงาน เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กว่า ได้โทรไปพูดคุยกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ แล้ว ซึ่งทางสหรัฐฯ ระบุว่า หนึ่งในจุดประสงค์การบริจาควัคซีนล็อตนี้คือ ให้ ‘บุคลากรทางการแพทย์’ ก่อน ซึ่งทางสหรัฐฯ ชัดเจนในประเด็นนี้แล้ว พร้อมขอให้ทางสาธารณสุขปฏิบัติตามเจตนารมณ์ของผู้ที่บริจาค
อย่างไรก็ตาม อนุทิน ชาญวีรกุล รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กำหนดเงื่อนไขการใช้วัคซีน Pfizer ใดๆ แต่ยืนยันว่าจะมีการนำมาฉีดให้เหมาะสม ส่วนเรื่องเอกสารที่หลุดมานั้น เป็นเอกสารจริง แต่เป็นแค่การบันทึกไว้ ไม่ได้เป็นแนวทางปฏิบัติแต่อย่างใด
ที่ผ่านมาทีมแพทย์ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องให้รัฐนำเข้าวัคซีน mRNA เพื่อฉีดกระตุ้นภูมิเป็นเข็มที่ 3 โดยภาคีบุคลากรสาธารณสุข และกลุ่มหมอไม่ทนได้ทำแคมเปญเชิญชวนบุคลากรทางการแพทย์ และประชาชน ร่วมลงชื่อเรียกร้องให้รัฐบาลรวมถึงองค์การเภสัชกรรม เร่งนำเข้า mRNA vaccine พร้อมระบุคนไทยควรต้องได้รับวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผ่านพ้นวิกฤตไปได้เร็วที่สุด และบอบช้ำน้อยสุด
อ้างอิงจาก
https://web.facebook.com/ruktai.prurapark/posts/10159043102546210
https://web.facebook.com/thiraw/posts/10222748704738709
https://web.facebook.com/profile.php?id=100027617971731…
https://www.prachachat.net/general/news-704699
https://www.khaosod.co.th/covid-19/news_6490450
https://www.thairath.co.th/news/politic/2132237
https://www.matichonweekly.com/hot-news/article_440772