เช้าวันนี้ตื่นมาเห็นตัวเลขผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตที่สูงจนทำลายสถิติทั้งหมด คงทำให้หลายคนหวั่นใจไม่น้อย แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่าคือ ตัวเลขเหล่านั้นอาจไม่ใช่ตัวเลขจริง หลังแพทย์หลายคนบอกว่า ยอดป่วย-ยอดตายแท้จริงเยอะกว่านี้มาก และผู้เสียชีวิตบางคนเพิ่งรู้ว่าเป็น COVID-19 หลังชันสูตรศพ
จุดเริ่มต้นของการควบคุมการระบาดที่ถูกต้อง คือการเร่งตรวจเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อให้มากที่สุด และนำมารักษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะออกไปแพร่เชื้อต่อโดยไม่รู้ตัว แต่อย่างที่รู้กันว่าในช่วงเวลา 1 ปีกว่าๆ นับตั้งแต่มีการระบาด ไทยยังประสบปัญหาประชาชนส่วนมากไม่สามารถเข้าถึงการตรวจเชื้อ ไม่ว่าจะเป็นภาระเรื่องค่าใช้จ่ายในการตรวจ หรือการจำกัดเพดานการตรวจ ด้วยเหตุผลทางด้านเตียงก็ดี หรือทรัพยากรการตรวจก็ดี
เมื่อช่วง 2 วันที่ผ่านมา มีการแชร์รูปประชาชนหลายสิบคนต่อเข้าคิวตรวจ COVID-19 ฟรีที่วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร บางเขน โดยคิวแรกๆ มารอตั้งแต่ช่วงหัวค่ำ เพื่อจะได้ตรวจเวลา 8.00 น. วันถัดไป เนื่องจากจุดตรวจมีการจำกัดการตรวจวันละ 900 คนต่อศูนย์บริการ ทำให้หลายคนต่างตั้งคำถามว่า 1 ปีผ่านไป ทำไมประเทศไทยเรายังไม่มีการเตรียมพร้อมสำหรับการตรวจ COVID-19 ที่ดีกว่านี้
เมื่อการตรวจมีจำกัด ตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เปิดเผยออกมาในแต่ละวันก็ยังไม่ใช่ตัวเลขที่แท้จริง ศ.นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล เปิดเผยว่า หากดูตามตารางข้อมูลของ ศบค. จะเห็นว่าปัจจุบัน มีการตรวจหาเชื้อในอัตราที่ต่ำมาก แต่มีอัตราผู้ติดเชื้อสูง (Positive Rate)
ขณะที่ผศ.นพ.สมิทธิ์ ศรีสนธิ์ หัวหน้าห้องปฏิบัติการนิติเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล เล่าว่า มีโอกาสได้ตรวจ COVID-19 กับศพ และพบผลติดเชื้อเยอะมาก โดยเฉพาะเมื่อวันที่ 5 วันเดียว ตรวจเจอ 4 ศพ (เฉพาะแค่เขตที่ทางโรงพยาบาลรามาฯ รับมาเท่านั้น) พร้อมกล่าวว่า ผู้เสียชีวิตที่ Swap เจอว่าติด COVID-19 มักจะมาจากพื้นที่แออัด หรือแฟลตการเคหะ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีประวัติว่า มีคนป่วยหลายคนแล้ว แต่ไม่สามารถหาเตียงได้ หรือคนในครอบครัวติดแล้วแต่ตัวเองยังไม่ได้ตรวจ
หมอสมิทธิ์ยังเล่าว่า มีผู้เสียชีวิตรายหนึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียง ติดเชื้อมาจากญาติ แต่เพิ่งมาทราบว่าติด COVID-19 หลังจากเสียชีวิตแล้ว เนื่องจากก่อนหน้านี้เป็นผู้ป่วยติดเตียง ประกอบกับมีอายุมากแล้ว และผู้เสียชีวิตอีกรายเป็นสมาชิกในชุมชนคนหูหนวก ซึ่งมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร และยังไม่ได้รับการดูแลเท่าที่ควร
“สรุปคือจะบอกว่า สถานการณ์หนักมากครับ ผู้ป่วยกับตายที่เห็นนี่ไม่เป็นตัวเลขจริงแน่นอนครับ มีเยอะกว่านั้นมาก มีคนที่ไม่ได้ Swab ตรวจอีกเยอะ (ตอนนี้ที่รามาฯ ถ้าจะมา Swab ผมเห็นคิวมานั่งรอตั้งแต่สี่ห้าทุ่ม เพื่อตรวจตอนเช้าละครับ) ส่วนคนตายก็มีเยอะกว่านี้ เพราะก็มีหลายๆ เคสที่ไม่ได้ Swab” หมอสมิทธิ์กล่าวในโพสต์
แน่นอนว่าท้ายที่สุดแล้ว ‘วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ’ ในการต้านทานไวรัสกลายพันธุ์ได้จริง น่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดของวิกฤตนี้ แต่หากเราไม่สามารถจัดหาวัคซีนได้อย่างทันท่วงที หมอมานพแนะนำว่า การทำ Full-Lockdown อาจเป็นทางเลือกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ การจะล็อกดาวน์ต้องทำอย่างเป็นระบบ และกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด รวมถึงต้องออกมาตรการเยียวยาอย่างเหมาะสม เพื่อไม่ให้การล็อกดาวน์เป็นการทิ้งใครไว้ข้างหลัง
อ้างอิงจาก
https://news.thaipbs.or.th/content/305847
https://www.dailynews.co.th/news/29678/
https://web.facebook.com/permalink.php?story_fbid=5858325910909258&id=100001957212970
https://web.facebook.com/manopsi/posts/10161077905848448
https://news.thaipbs.or.th/content/305847