ยังคงเป็นที่จับตา ถึงวัคซีน Pfizer จำนวน 1.5 ล้านโดส ที่ถูกบริจาคมาจากสหรัฐฯ และกำลังจะเข้ามายังไทย ในวันที่ 29 กรกฎาคมนี้ แต่ดูเหมือนว่า กลับมีเว็บไซต์ในไทย ที่เปิดให้จองโควต้า Pfizer พิเศษ ท่ามกลางความสงสัยว่าอาจเป็นเว็บไซต์หลอกลวง หรือเกิดจากช่องว่างของการบริหารจัดการวัคซีนที่ล้มเหลว
ทวิตเตอร์ผู้ใช้ @JIII_RA เปิดเผยว่า มีการซื้อขายโควต้าฉีดวัคซีน Pfizer ภายในเว็บไซต์ชื่อว่า THVaccine ผ่านสกุลเงินคริปโต โดสละ 1 หมื่นบาท อย่างไรก็ดี ยังไม่มีการยืนยันจากทางการ หรือเจ้าของเว็บไซต์ ว่าเป็นความจริงหรือไม่ ทั้งนี้ มีประชาชนตั้งข้อสังเกตว่า อาจเป็นเว็บหลอกลวงให้โอนเงินคริปโต ท่ามกลางสถานการณ์ที่ประชาชนกำลังรอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ
THVaccine ระบุบนเว็บไซต์ว่า ได้รับการจัดสรรโควต้าวัคซีน Pfizer พิเศษ จำนวน 20,000 โดส โดยจะเริ่มฉีดให้ประชาชนทั่วไป ที่มีอายุตั้งแต่ 12-80 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 สิงหาคม พ.ศ.2564 เป็นต้นไป ซึ่งจะคิดค่าบริการรวมทั้งสิ้นโดสละ 350 USDT (เป็นเงินประมาณ 1 หมื่นบาท) ทั้งนี้ THVaccine ระบุว่า ถ้ายอดจองเต็ม เว็บไซต์จะปิดรับลงทะเบียนทันที
THVaccine ระบุเงื่อนไจว่า จะรับเงินคริปโตในสกุล USDT บนบล็อกเชน ERC-20 และ TRC-20 เท่านั้น โดยราคาค่าจองกว่าโดสละ 1 หมื่นบาทนั้น THVaccine บอกบนเว็บไซต์ว่า เป็นราคาที่สมเหตุสมผล ตามอุปสงค์และอุปทาน และประหยัดกว่าการบินไปฉีดที่ต่างประเทศ “ท่านควรเลือกฉีดวัคซีนตามกำลังทรัพย์ของท่าน” THVaccine กล่าว
สำหรับต้นทางของวัคซีนนั้น THVaccine บอกว่า ได้รับการจัดสรรมาจากรัฐบาล “หลังจากที่คณะผู้ใหญ่ได้รับวัคซีน mRNA มาเกินจำนวนที่ต้องการ” จึงมอบหมายให้ THVaccine ขายโควตาที่ได้รับมา เพื่อให้ผู้จองได้เข้าถึงวัคซีนเร็วขึ้น ทั้งนี้เป็นเพียงแค่การจองคิวให้เข้าถึงวัคซีนได้ก่อน ไม่ใช่การขายตัววัคซีนแต่อย่างใด
“ท่านควรยอมรับความจริงว่า ท่านไม่สามารถหลีกเลี่ยงระบบเส้นสายและ VIP ในประเทศไทยได้” THVaccine ระบุก่อนแจ้งรายละเอียดว่า ผู้จองจะสามารถเลือกฉีดวัคซีน ได้ที่โรงพยาบาลของรัฐตามพื้นที่ที่สะดวก โดยผู้จองโควตาพิเศษนี้ จะได้รับการฉีดวัคซีนในห้องส่วนตัว ไม่ปะปนกับลานฉีดวัคซีนของโครงการอื่นทั่วไป
THVaccine กล่าวว่า จะมีวัคซีนชนิดอื่นๆ เข้ามาเพิ่มเติมอีกแน่นอน ทั้งในรูปแบบ mRNA และ Protien-Based “ทางเราจะพยายามเจรจาเพื่อให้ได้โควตามากที่สุด โดยแลกกับค่าบริการที่ท่านอาจต้องเสียมากกว่าเมื่อเทียบกับโครงการอื่น” THVaccine ระบุ โดยตอนท้ายของเว็บไซต์แจ้งว่า ใน พ.ศ.2565 จะมีวัคซีนในโควตาพิเศษอื่นๆ อีก เช่น Novavax 10,000 โดส, Pfizer 20,000 โดส, Moderna 15,000 โดส, และอื่นๆ อีก 25,000 โดส
ทั้งนี้ ถึงเว็บไซต์จะระบุว่า THVaccine ไม่รับเงินบาท นอกจาก USDT และขอให้ระวังการหลอกลวง แต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งตั้งข้อสังเกตว่า เว็บไซต์ดูไม่ชอบมาพากล ในขณะที่ประชาชนอีกกลุ่มมองว่า หากเป็นเว็บไซต์จริง นี่คืออีกสัญลักษณ์หนึ่ง ของการบริหารจัดการวัคซีนที่ล้มเหลวในไทย
ภาคีบุคลากรสาธารณสุขระบุว่า การเกิดขึ้นของเว็บไซต์นี้ สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพ ในการจัดหาวัคซีนของรัฐ ทำให้เกิดช่องทางให้คนใช้แสวงหาผลประโยชน์ โดยภาคีบุคลากรสาธารณสุขตั้งข้อสังเกตว่า มีความเป็นไปได้สูงที่อาจจะเป็นเว็บไซต์หลอกลวง เพื่อโกงคริปโต เนื่องจากตามตัวผู้กระทำความผิดได้ยาก นอกจากนี้ มีประชาชนบางส่วนระบุว่า หากเว็บไซต์เป็นเว็บไซต์หลอกลวง ทางรัฐบาลควรออกมาจัดการเรื่องดังกล่าว และเร่งจับตัวอาชญากรมาให้ได้โดยเร็วที่สุด
นอกจากนี้ สฤณี อาชวานันทกุล นักวิชาการอิสระ ได้ตั้งคำถามไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เพื่อขอให้เข้ามาตรวจสอบเว็บไซต์ดังกล่าว โดยเธอกล่าวว่า “ในสังคมที่การจัดสรรวัคซีนเต็มไปด้วยความไม่โปร่งใส คลุมเครือและเลือกปฏิบัติ ประชาชนไม่เชื่อมั่นว่าจะได้ฉีดวัคซีนยี่ห้อไหนวันไหน จะได้ยี่ห้อตรงกับที่เคยถูกบอกว่าจะได้หรือเปล่า จะฉีดก็ต้องกระเสือกกระสนไปลงทะเบียน ลุ้นว่าที่ลงทะเบียนแล้วจะถูกเทไหม กังวลตลอดเวลาว่าจะมี VVIP”
จากการแถลงของกระทรวงสาธารณสุข ถึงการจัดสรรวัคซีน Pfizer จำนวน 1.54 ล้านโดส ระบุว่า จะมีการจัดสรรวัคซีนให้แก่บุคลากรด่านหน้า 500,000 โดส, ผู้ป่วย 7 โรคเรื้อรังและหญิงตั้งครรภ์สัญชาติไทย 800,000 โดส, ชาวต่างชาติในไทยที่สูงอายุ และป่วยโรคเรื้อรัง 150,000 โดส, ผู้ที่ต้องเดินทางไปต่างประเทศ 45,000 โดส, การทำวิจัย 5,000 โดส, และ การสำรองเพื่อตอบโต้โรคระบาด 40,000 โดส
นอกจากนี้ เมื่อช่วงเวลา 12.00 น. ของวันนี้ (25 กรกฎาคม) กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงถึงการกระจายวัคซีน Pfizer ว่า นอกจากวัคซีน 1.5 ล้านโดสจากสหรัฐฯ แล้ว จะมีการนำเข้าวัคซีน Pfizer มาอีก 20 ล้านโดส และจะเริ่มฉีดในช่วงตุลาคมถึงธันวาคม พ.ศ.2564 ซึ่งจะเน้นการฉีดในกลุ่มเสี่ยง 7 โรคเรื้อรัง หญิงตั้งครรภ์ และบุคคลในพื้นที่เสี่ยง ทั้งนี้ หากมีความพยายามในการแอบอ้าง หลอกลวง เรียกเก็บค่าฉีด หรือแม้แต่กระทั่งการให้ข่าวปลอม กระทรวงสาธารณสุขจะทำการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด โดยกระทรวงสาธารสุขยืนยันว่า การฉีดวัคซีนจะเรียงตามลำดับกลุ่มเสี่ยง และไม่มีการจัดให้กลุ่มพิเศษอื่นๆ ใด โดยหากพบการกระทำในลักษณะดังกล่าว สามารถแจ้งมายังกระทรวงสาธารณสุขได้
แก้ไขเนื้อหาเพิ่มเติม จากแหล่งข่าวของ “ภาคีบุคลากรสาธารณสุข” เป็น “ทวิตเตอร์ผู้ใช้ @JIII_RA” เมื่อเวลา 14.48 น.
อ้างอิงจาก
https://twitter.com/JIII_RA/status/1418954133810257921?s=20
https://www.facebook.com/100044570883310/posts/372539947575032/?d=n
#Breif #TheMATTER