เมื่อคืนวานนี้ (28 กรกฎาคม) มีการเปิดเผยเอกสารการนำเสนอของ กองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ที่อาจทำให้เราเห็นว่า สถานการณ์ COVID-19 ของไทย อาจจะยังไม่ดีขึ้นในเวลาอันใกล้นี้อย่างแน่นอน
เดชา ปิยะวัฒน์กูล เปิดเผยเอกสาร บนเฟซบุ๊กส่วนตัว ชื่อ “คาดการณ์สถานการณ์การระบาด COVID-19 ของประเทศไทย ระหว่าง ส.ค. – ธ.ค. 2564” ระบุว่าถูกนำเสนอ เมื่อวันที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ.2564 โดยกองระบาดวิทยา กรมควบคุมโรค และสำนักงานพัฒนานโยบายสุขภาพระหว่างประเทศ กระทรวงสาธารณสุข โดยเดชาระบุว่า เอกสารดังกล่าวทำให้เขาเข้าใจกระทรวงสาธารณสุขขึ้นมาบ้าง
ใจความหลักของเอกสารระบุว่า อัตราการติดเชื้อใหม่ในไทย อาจพุ่งสูงขึ้นถึงวันละ 25,000 ราย ตลอดจนอัตราการเสียชีวิต ที่จะพุ่งสูงขึ้นถึงวันละ 350 ราย โดยถ้ามีการล็อกดาวน์เพียงเดือนเดียว จะทำให้มีอัตราการติดเชื้อใหม่พุ่งสูงขึ้นถึงวันละ 35,000 ราย และเสียชีวิตวันละ 500 ราย
เดชากล่าวว่า หากพิจารณาจากเอกสารจะพบว่า “กระทรวงรู้มาตลอดว่าตัวเลขที่รายงานนั้นต่ำกว่าความเป็นจริงประมาณ 6 เท่า” โดยเดชาชี้ว่า ความนัยของเอกสาร กำลังระบุว่า สาธารณสุขไทยได้ก้าวข้ามเรื่องจำนวนผู้ติดเชื้อไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกระทรวงสาธารณสุขได้รับสภาพแล้วว่า “เอาไม่อยู่”
จากเอกสารระบุสถานการณ์ที่เป็นไปได้ ที่ทางกระทรวงสาธารณสุขตั้งเป้าเอาไว้ คือ การล็อกดาวน์เพื่อลดการระบาดลง 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลานาน 2 เดือน โดยระหว่างนั้นให้เร่งฉีดวัคซีนในผู้อายุ เพื่อกดอัตราการเสียชีวิตในไทย ให้ไม่เกินวันละ 200 ราย โดยเดชาชี้ว่า เอกสารพูดในเชิงยอมรับว่า ถึงจะล็อกดาวน์อย่างไร ก็ไม่มีผลลดจำนวนผู้ติดเชื้อ และผู้เสียชีวิตลงในระยะสั้นๆ ได้ สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขพยายามทำในตอนนี้ คือ ป้องกันไม่ให้เกิดการตายหมู่ในระยะต่อไป “หรือพูดง่ายๆ ไม่ให้เป็นแบบอินเดีย” เดชากล่าว
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ระบุบนเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า กองระบาดวิทยาคาดการณ์ว่า ไทยน่าจะมีตัวเลขผู้ติดเชื้อสีเขียว หรือกลุ่มที่ไม่มีอาการ หรืออาจจะไม่รู้ตัวว่าติดเชื้อ ที่กำลังดำเนินชีวิตตามปกติ และยังไม่ได้เข้ารับการรักษา อยู่ที่ประมาณ 6 เท่าจากตัวเลขผู้ป่วยสีเขียวที่เข้าถึงการรักษา ซึ่งอาจมีตัวเลขสูงถึง 337,505 ราย นอกจากนี้ อาจมีตัวเลขผู้ป่วยสีเหลือง ที่ยังไม่เข้าถึงการรักษากว่าอีกประมาณ 3 เท่าตัว จากตัวเลขทางการ หรือประมาณ 171,874 ราย
วิโรจน์กล่าวว่า “สิ่งที่รัฐบาลต้องเร่งดำเนินการ ระหว่างที่รอคอยวัคซีน คือ การประคับประคองสถานการณ์ เพื่อจำกัดวงในการระบาดให้แคบลง ตัดวงจรการแพร่ระบาดให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำให้ผู้ป่วยเข้าถึงยา Favipiravir ตามคำสั่งแพทย์ให้เร็วที่สุด ในโรงพยาบาลทุกแห่ง ทุกสังกัด”
เดชากล่าวว่า “พวกเขา (กระทรวงสาธารณสุข) วางแผนจะยื้อวิกฤตนี้ โดยยันมันจนถึงเดือนธันวา โดยไม่สนใจปัจจัยทางเศรษฐกิจสังคมด้านอื่นเท่าไหร่ เพราะพวกเขาไม่มีหน้าที่” ทั้งนี้ เดชาระบุเพิ่มเติมว่า มาตรการล็อกดาวน์ 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นเวลา 2 เดือน กำลังถูกนำเสนอตามระบบราชการ และคงจะถูกประกาศใช้ในอีกไม่กี่วันนี้ โดยประชาชนคงต้องรอรับแรงกระแทกอีกที
อ้างอิงจาก
https://www.facebook.com/looksoundfeel/posts/5930237303683969
https://www.facebook.com/wirojlak/posts/343045904014050
#Brief #TheMATTER