เมื่อวัคซีนชนิด mRNA ยี่ห้อ Pfizer ที่สหรัฐฯ บริจาค จำนวน 1.5 ล้านโดส เข้ามาอยู่ในไทย ทุกวันนี้แทบจะกลายเป็นวัตรปฏิบัติของใครหลายๆ คนในการจับตาว่า วัคซีนชนิดนี้ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดในป้องกันโรคโควิด-19 สูงที่สุด ณ ปัจจุบัน จะถูกนำไปฉีดให้กับ ‘บุคลากรการแพทย์’ ที่ทำงานอยู่ในด่านหน้าจริงหรือไม่
ความจริงเคยมีผู้เสนอวิธีสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน เรื่องการบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19 อยู่หลายกลุ่ม
หนึ่งในนั้นก็คือข้อเสนอจากเครือข่ายนักวิชาการ สื่อมวลชน และประชาชน ที่เสนอให้เปิดเผย ‘ข้อมูลบริหารจัดการและกระจายวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open Data’ ที่มีผู้ร่วมลงชื่อเบื้องต้น 333 คน (หรือ ‘กลุ่ม 333’) แม้ต่อมาผู้ร่วมลงชื่อจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่รวมถึงผู้ที่ร่วมลงชื่อผ่านแคมเปญใน change.org ที่มีคนร่วมลงชื่อในปัจจุบันแล้วกว่า 8,000 คน
ล่าสุด ทางกลุ่ม 333 ได้ส่งความคืบหน้าการผลักดันให้ภาครัฐเปิดเผยข้อมูลวัคซีนโควิด-19 ตามหลัก Open Data โดยมีการส่งหนังสือแจ้งไปขอให้หน่วยงานต่างๆ เปิดเผยข้อมูลรวม 7 หน่วยงาน
สำหรับข้อมูลเรื่องการจัดสรรและการฉีดวัคซีน Pfizer ที่สหรัฐฯ ที่หลายๆ คนจับตา ความจริงแล้ว มีวิธีการเปิดเผยข้อมูลแบบ Open Data ที่ทำได้ง่ายๆ มีคนทำอยู่แล้ว และ ‘อำนาจ’ ในการสั่งให้เปิดเผยข้อมูล ก็อยู่ที่ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) หรือผู้บริหารกระทรวงของ สธ.ที่เกี่ยวข้องบางคน นั่นคือ
- เปิดระบบติดตาม ตรวจสอบ ย้อนกลับ ‘โซ่ความเย็น’ วัคซีนโควิด-19 หรือ Cold-Chain Vaccine Tracking ของ ม.มหิดล ให้สาธารณชนได้เข้าถึงอีกครั้ง หลังเคยถูกสั่งปิดไปในเดือน ก.ค.2564
- เปิดเผยข้อมูลดิบที่ใช้ประกอบการแสดงผลบน dashboard ของแอพพลิเคชั่น ‘หมอพร้อม’
โดยทางกลุ่ม 333 ได้แจ้งผ่านอีเมลที่ส่งให้กับผู้ร่วมลงชื่อในแถลงการณ์ทุกคนว่า ได้ใช้สิทธิตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ยื่นขอให้ผู้เกี่ยวข้องเปิดเผยข้อมูลทั้ง 2 รายการแล้วตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.2564 ไม่รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัคซีนโควิด-19 เช่น สัญญาต่างๆ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง ที่ยื่นขอไปในเวลาเดียวกัน
รอติดตามกันว่า ปลัดและผู้บริหาร สธ.ที่เกี่ยวข้อง จะเริ่มเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณชนว่า การจัดสรรวัคซีนโควิด-19 ไม่ว่าจะ Pfizer หรือยี่ห้ออื่นๆ เป็นไปอย่างถูกต้องและโปร่งใส ได้เมื่อใด
#Brief #TheMATTER